กรุงเทพ--28 พ.ย.--ททท.
ผู้จัดการโครงการ Amazing Thailand ยืนยัน ททท. ให้ความสำคัญและสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมาโดยตลอด แต่ต้องให้เวลาและขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ชี้ Amazing Thailand เน้นสร้างกลยุทธ์ดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่เมืองไทยนานขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของรายได้โดยไม่ได้คาดหวังจำนวนนักท่องเที่ยว
นายภราเดช พยัฆวิเชียร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฝ่ายวางแผนและพัฒนา ในฐานะผู้จัดการโครงการปีท่องเที่ยวไทย 2541-2542 หรือ Amazing Thailand 1998-1999 ได้ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในปัจจุบันหลังจากที่มีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยศิลปากร แสดงความเห็นต่อโครงการ Amazing Thailand ว่ารัฐบาลและ ททท. มุ่งหวังรายได้จากการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวจนไม่คำนึงสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืนหรือการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์มาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของการดำเนินโครงการ Amazing Thailand ซึ่งเป็นการรณรงค์ในเชิงการตลาด ซึ่งมีกรอบเวลา 2 ปี เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่กำลังถดถอยที่อยู่ในระดับที่ยังประโยชน์ในทางเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไป แต่ในขณะเดียวกันการพัฒนาสินค้าทางการท่องเที่ยวสำหรับปีท่องเที่ยวไทยก็มุ่งเน้นที่จะให้เป็นรากฐานให้ชุมชนท้องถิ่นให้รู้จักนำทรัพยากรท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม ยั่งยืน เช่นการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนเมือง และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นต้น
รองผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การรณรงค์ส่งเสริมโครงการ Amazing Thailand เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ถือเป็นความจำเป็นในการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ททท. ต้องรักษารายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวให้อยู่ในระดับเดิมจึงต้องสร้างกลยุทธ์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็เชื่อว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปี ของโครงการ Amazing Thailand คงจะไม่เป็นการเพิ่มผลกระทบรุนแรงหรือทำลายสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวในระดับที่เป็นอยู่ตรงกันข้ามการรณรงค์โครงการ Amazing Thailand กลับจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เนื่องจาก ททท. มีนโยบายหลักที่สำคัญสำหรับโครงการ Amazing Thailand คือ 1. จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวและสร้างมูลค่าเพิ่มของการท่องเที่ยว โดยพิจารณาถึงประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจที่จะนำมาวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรับใช้อย่างเหมาะสม เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการด้านการท่องเที่ยวโดยร่วมมือกับชุมชนในท้องถิ่น แต่ละแห่ง 2. ร่วมมือกับภาคเอกชนในการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักว่าโครงการ Amazing Thailand เป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบ และมีจิตสำนึกในการร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
ส่วนแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของ ททท. นั้น แบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ 1. สนับสนุนการกระจายอำนาจ กำลังคน และงบประมาณในการพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวออกไปยังหน่วยงานในส่วนท้องถิ่น จังหวัด และภูมิภาค โดยจัดตั้งเป็นคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด 2. ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และประชาคมท้องถิ่น ในการสร้างแผนงานให้ท้องถิ่นเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพที่สุดโดยไม่ทำลายแหล่งท่องเที่ยว 3. หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างแนวทางให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทรับผิดชอบงานด้านการท่องเที่ยว โดยกำหนดกรอบและหน้าที่ให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีอำนาจในการพัฒนาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม
ผู้จัดการโครงการ Amazing Thailand กล่าวต่ออีกว่าแนวคิดหลักของการดำเนินโครงการ Amazing Thailand นั้นไม่ได้มุ่งเน้นให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก แต่ต้องการให้วันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวยาวนานขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างกลยุทธ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ ททท. ก็ได้พยายามสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนให้กับประชาชนในแต่ละท้องถิ่น ด้วยการจัดกิจกรรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น การอบรมให้ความรู้กับเยาวชน การถวายความรู้แด่พระสงฆ์ การพัฒนาหลักสูตรการท่องเที่ยวสำหรับเยาวชนให้เหมาะสมกับท้องถิ่น โครงการโรงแรมสีเขียว (ประหยัดไฟ ใช้พลังงานให้เหมาะสม และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม) การร่วมมือกับกรมป่าไม้และกรมศิลปากรรวมทั้งภาคเอกชน ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรม
รองผู้ว่าการ ททท. ย้ำในตอนท้ายด้วยว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเป็นนโยบายที่ชัดเจนของ ททท. ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปของผลที่เป็นรูปธรรม และจิตสำนึกของนักท่องเที่ยวในการตระหนักถึงคุณประโยชน์รวมทั้งความจำเป็นของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายอีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาในการทำงานควบคู่กันไปด้วย--จบ--