กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ซีเอ เทคโนโลยี ฟันธง 5 กระแสเทรนด์ใหม่ด้านระบบรักษาความปลอดภัยและไอดี (IAM) ที่จะส่งผลกระทบต่อองค์กรธุรกิจ และมืออาชีพด้านการรักษาความปลอดภัยระบบในปี 2015 ในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นที่การแข่งขันที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดขณะนี้
“ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเจาะระบบข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย และผลจากความต้องการสูงในการใช้งานแอพพ์ และประสิทธิภาพที่ต้องการสูงสุดในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่น จะส่งผลอย่างมากมายต่อวิธีคิดและวิธีทำงานของอาชีพรักษาความปลอดภัยระบบไอดีและการเข้าใช้งานระบบด้านต่างๆ ในปี 2015 นี้ โดยทางซีเอ เทคโนโลยีไ้เตรียมพร้อมเพื่อช่วยให้ลูกค้ารับมือกับความเปลี่ยนแปลงทั้งในปีนี้และปีถัดๆ ไปเสมอ” วิค แมนโคเชีย รองประธานฝ่ายยุทธศาสตร์โซลูชั่น ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัทซีเอ โซลูชั่นกล่าว
สู่เส้นทางงานบริหารไอดีและการเข้าระบบในปี 2515 จะมีเทรนด์สำคัญที่ต้องระวังดังนี้
1. ช่องทางพิสูจน์ไอดีร่วมกันในองค์กร:
ผลที่ตามมาของเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นคือการเพิ่มขึ้นของการใช้งานแอพพ์โมไบล์ ก็คือความจำเป็นที่จะต้องมีช่องทางที่รวมศูนย์ในการเข้าถึงข้อมูลไอดีและข้อมูลต่างๆ ตามความต้องการใช้งาน บรีิษัทธุรกิจที่ต้องใช้งานไอดี จะต้องสร้างช่องทางไอดีร่วมกันขึ้นมา เพื่อใช้พิสูจน์ยืนยันความถูกต้องของไอดี เพื่อให้งานพัฒนาแอพพ์ การติดตั้งและใช้งานต่างๆ สามารถทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น และยังจะช่วยในการพัฒนาระบบใหม่ๆ ต่อไปในอนาคตอีกด้วย โดยระบบนี้จะรวมครอบคลุมถึงแอพพ์ทั้งหมด ทุกช่องทางการเข้าถึงระบบที่ทำได้สะดวกผ่าน APIs ด้านไอดี
2. อุปกรณ์ยืนยันสากลที่พกติดตัว:
ทุกวันนี้การใช้งานสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์โมไบล์อื่นๆ เพื่อใช้ยืนยันการเข้าระบบมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนกำลังจะเป็นอุปกรณ์สากลที่ใช้งาน นอกจากนี้การเน้นย้ำเรื่องระบบการยืนยันตัวผู้ใช้งานที่ผลักดันมาทางภาครัฐและระเบียบด้านการธนาคารจะทำให้เทคโนโลยีด้านรหัสในชิป และ PIN ระบบไบโอเมตริกส์ และโมเดลการชำระเงินแบบใหม่ๆ จะยิ่งไปผลักดันให้มีการใช้งานระบบยืนยันเข้าใช้งานที่เรียบง่ายและใช้สะดวกยิ่งขึ้น หลายบริษัทและหน่วยงานจะมองหาการยืนยันตัวที่ไม่ต้องยุ่งยาก และไม่ใช้พาสเวิร์ด เพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานทั้งตัวลูกค้าและพนักงานให้มากที่สุด และตรงนี้นี่เอง ที่อุปกรณ์โมไบล์ต่างๆ จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จำเป็น
3. เปลี่ยนจากงานบริหารมาเป็นรักษาความปลอดภัยไอดี: จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเน้นในตลาดงานรักษาความปลอดภัยไอดี โดยเป็นผลมาจากข่าวการเจาะระบบครั้งใหญ่เมื่อปีกลาย โดยการเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนจากงานบริหารไอดีพื้นฐานทั่วไป มาเป็นการบริหารไอดีเพื่อการรักษาความปลอดภัยระบบอย่างจริงจัง ข่าวการเจาะระบบที่เกิดขึ้นในปี 2014 ที่ผ่านมา เน้นให้เห็นว่ามีการละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยเจาะไปที่ไอดีพนักงานภายในที่เปิดช่องให้มี เข้าขโมยข้อมูลและละเมิดแอพพลิเคชั่น การปกป้ององค์กรต่อพนักงานทุจริตหรือไอดีภายในที่ถูกเจาะ จะต้องการรักษาความปลอดภัยการเข้าใช้ระบบแบบใหม่ที่ฉลาดมากพอ ดูบริบทการใช้งานและตรวจสอบยืนยันได้เสมอ
4. ไมโบล์และการใช้อินเทอร์เน็ตในทุกอุปกรณ์จะทำให้เกิดสถาปัตยกรรมระบบแบบเน้นAPI: การใช้งานที่เพิ่มขึ้นของโมไบล์และอุปกรณ์ทุกอย่างที่เชื่อมถึงกันหมด จะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ สถาปัตยกรรมระบบแบบเน้นAPI ที่เชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจดิจิตอลได้มากขึ้น โดยสถาปัตยกรรมระบบแบบนี้จะต้องรองรับรูปแบบการใช้งานต่างๆ ที่หลากหลายในการเข้าใช้แอพพ์และข้อมูลทั้งในสถานที่ หรือผ่านระบบคลาวด์จากหลายประเภทของอุปกรณ์เชื่อมต่อ โดยระบบที่เน้น API นี้ จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนที่แอพพลิเคชั่นต่างๆ ต้องการ
5. ฝ่ายบริหารบริษัทขะเข้ามามีบทบาทด้านยุทธศาตร์ไอทีมากขึ้น: ผู้บริหารบริษัทและสมาชิกกรรมการบริษัทระดับสูงจะต้องมีส่วนรับผิดชอบมากขึ้นต่อการเจาะระบบที่ส่งผลเสียหายต่อแบรนด์และชื่อเสียงของบริษัท ซึ่งผลที่ตามมาตรงนี้ก็คือการเพิ่มบทบาทความเกี่ยวข้องและการตรวสสอบดูแลที่มีต่อยุทธศาตร์งานรักษาความปลอดภัยระบบไอทีของแต่ละบริษัท ดังนั้น งานรักษาความปลอดภัยจะเปลี่ยนจากปัญหาไอที ไปเป็นปัญหาของบริษัท และความวิตกเรื่องธุรกิจจะยิ่งยิ่งทำให้บอร์ดบริหารเข้ามีมีบทบาทในงานไอทีมากขึ้น