“ออเธนทิคคลินิก” เปิดเกมรุกตลาดความงามนำเทรนด์ "แต่งเสริมเติมสวยแบบบุฟเฟ่ต์" ปรับตัวรับธุรกิจคลินิกความงามแข่งเดือด รับไลฟ์สไตล์หวังชิงตลาดผู้บริโภคยุคใหม่

ข่าวบันเทิง Wednesday January 28, 2015 11:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ม.ค.--ออเธนทิคคลินิก ในปีที่ผ่านมาคลินิกบางแห่งประสบปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง และแข่งขัน จึงปิดตัวลง ประกอบกับมีผู้เล่นรายใหม่ๆ ขึ้นทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก กว่า 300 แห่ง ล้นเกินกว่าความต้องการของตลาด เนื่องจากผู้บริโภคของคลินิกเสริมความงามถูกกระตุ้นด้วยเครื่องมือทางการสื่อสารการตลาด ทั้งที่มีกำลังซื้อที่น้อยเกินกว่าความต้องการซื้อจริงในตลาดไปมาก ดังนั้น นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ดึงลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาแล้ว โมเดลทางการตลาดอื่นๆ เช่น CRM (Customer Relationship Management) หรือเรียกว่าระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าที่เป็นลูกค้าเก่า ก็สำคัญเช่นกัน เพราะการทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ โดยพยายามเก็บลูกค้าเก่าไว้รวมถึงกระแสที่เรียกว่า การดูเรื่องคุณค่าตลาดช่วงชีวิตของลูกค้าในการซื้อสินค้า ซึ่งพิจารณาข้อมูลจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1. ดูจากการเข้ามาใช้บริการครั้งล่าสุด 2. ดูจากความถี่ในการซื้อบริการต่างๆ ในคลินิก และ 3. ดูจากปริมาณการใช้จ่ายที่ลูกค้ามาใช้บริการต่อครั้ง ถึงแม้ว่าธุรกิจคลินิกเสริมความงามจำเป็นต้องทำกำไร แต่ก็ไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการดำเนินธุรกิจนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่จะสามารถมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีได้ก็ต่อเมื่อลูกค้าได้รับความพึงพอใจในด้านการบริการ ด้วยการใส่ใจของแพทย์ พยาบาล พนักงานทรีตเม้นต์ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และมีความสม่ำเสมอ เพื่อสร้างรากฐานความยั่งยืนของตราสินค้า หรือแบรนด์ของออเธนทิคในอนาคตอีกด้วย (คุณพลัฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออเธนทิค ให้สัมภาษณ์) ปัจจุบันตลาดคลินิกความงาม มีมูลค่ารวมประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท มีคลินิกระดับแมสครองส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เปอร์เซ็นต์ และยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อปีสูงถึงร้อยละ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ตามความต้องการของตลาดความงามที่เพิ่มมากขึ้นสวนทางกับเศรษฐกิจปัจจุบันที่ชะลอตัวลง!!! โดย "ออเธนทิคคลินิกเวชกรรม" เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางที่เจาะกลุ่มแมส ซึ่งเปิดตัวแค่ปีกว่าๆ แต่สามารถขยายสาขาอย่างรวดเร็ว รวมปัจจุบันมีถึง 5 สาขา (ยัง ล่าสุดประเดิมเปิด 2 สาขา "ปิ่นเกล้า" และ "รังสิต" ) พร้อมแถลงกลยุทธ์ต้นปี 2558 บุกต่อเนื่อง เริ่มต้นด้วยการใช้กลยุทธ์แบบ "ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง" จับตลาดทุกกลุ่ม เสริมการบริการเสริมความงามแบบบุฟเฟต์ในประเทศไทย ที่ให้บริการความสวยแบบไม่มีขีดจำกัด เต็มที่กับบุฟเฟ่ต์ความงามเหมาจ่ายเพียงครั้งเดียวแต่สามารถเข้ามาใช้บริการความงามได้แบบอัลลิมิท เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าอย่างสูงสุด และการเพิ่มนำเข้าเครื่องมือ เลเซอร์ เพิ่มคุณภาพทรีตเม้นต์หวังจับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมอีกด้วยพลัฏฐ์ พฤกษ์ปาริชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออเธนทิคคลินิก เปิดเผยถึงแผนการรุกตลาดคลินิกเวชกรรมความงามในปี 2558 ว่า ธุรกิจคลินิกเสริมความงามในปัจจุบันเติบโตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นทุกปี มีการแข่งขันทางการตลาดสูงมาก เรียกได้ว่าทุกห้างสรรพสินค้า แทบจะทุกถนนที่เป็นย่านเศรษฐกิจ ล้วนแล้วแต่มีคลินิกเสริมความงามเปิดให้บริการเต็มไปหมด การที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าเพื่อช่วงชิงผู้บริโภคหลายๆ ระดับให้ได้มากที่สุดในตลาดได้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะคลินิกความงามค่ายหลักๆ ก็จับจองทำเลที่ดีที่สุดไปหมดแล้ว และยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการสื่อสารารตลาดหลากหลายรูปแบบอย่างคึกคัก ไม่ได้หยุดนิ่งเพียงแค่กลยุทธ์การเปิดขยายเพิ่มจำนวนสาขาเท่านั้น แต่เริ่มเห็นภาพการแตกเซ็กเมนต์ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ หรือช่องทางบริการความงามอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาสสุดท้าย หลายๆ คลินิกมีจำนวนลูกค้าค่อนข้างคงที่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิม ทั้งนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่าหากเป็นคลินิกที่จับกลุมลูกค้าระดับแมส จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจลดระดับลงมากกว่าคลินิกที่อยู่ในระดับกลาง ถึงระดับพรีเมียม เนื่องจากกลุ่มลูกค้าพรีเมียมแม้จะมีจำนวนลูกค้าที่น้อย แต่กลับมีกำลังซื้อบริการเสริมความงามระดับปริมาณที่สูงมากในแต่ครั้งที่ใช้บริการเสริมความงาม ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของออเธนทิคคลินิกเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับพรีเมียม ทำให้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ออเธนทิคคลินิกไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก ลูกค้ายังคงเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง แม้จำนวนลูกค้าอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้ลดลง แต่ยังคงสามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในการดำเนินธุรกิจด้วยโมเดลเก่าๆ ของคลินิกเสริมความงามนั้นมีการนำมาใช้ไปหมดแล้ว การคิดในสิ่งที่แตกต่างแต่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามเศรษฐกิจของสังคมปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์การขยายฐานจำนวนลูกค้าได้มากกว่า โดยใช้โมเดล "ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง" ซึ่งคิดเรื่องของกฎ 80:20 กล่าวคือ ลูกค้าระดับพรีเมี่ยมส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อคลินิกเพียง 20% ส่วนอีก80% จะเป็นลูกค้าที่พร้อมจะหันไปหาแบรนด์คลินิกที่มีความดึงดูดด้านโปรโมชั่นมากกว่า เช่น มีข้อเสนอที่ดีกว่า มีของแถมที่ดีกว่า มีราคาที่ดีกว่า ซึ่งออเธนทิคคลินิกให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มลูกค้าทั้งหมด แยกได้ว่ากลุ่มลูกค้าระดับ A ถึง A+ มีปริมาณ 20% ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มน้อย ส่วนใหญ่รับบริการ ร้อยไหม โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ระดับพรีเมี่ยม แต่สามารถสร้างผลกำไรให้กับคลินิกได้มากถึงร้อยละ 80 ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับ C ถึง B+ มีปริมาณ80% กลับสร้างผลกำไรให้กับองค์กรเพียงร้อยละ 20 ซึ่งมีกำลังซื้อในรูปแบบระบบผ่อนจ่าย โดยส่วนใหญ่รับบริการประเภททรีตเม้นต์เลเซอร์ทั่วไป รักษาสิว ฉีดผิวขาว ลดความอ้วน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะมีการซื้อซ้ำแบบเป็นคอร์สต่อเนื่อง เราจึงหันมาทำกลยุทธ์ตลาดแนวใหม่ว่า กลุ่มลูกค้าระดับ C ถึง B+ ที่มีปริมาณถึง 80 ของฐานลูกค้าในออเธนทิคคลินิก ซึ่งมองว่าเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ แต่มีกำลังซื้อในระดับกลางค่อนไปทางน้อย กลับสามารถเก็บเล็กผสมน้อยจากลูกค้ากลุ่มนี้ได้ก็ย่อมจะดีกว่า และหันมาสนใจลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย การทำการส่งเสริมการตลาดด้วยการบริการเสริมความงามแบบบุฟเฟต์ การเพิ่มระบบเซลโปรโมชั่นต่างๆ ในรูปแบบการผ่อนจ่ายทั้งเงินสด และบัตรเครดิต จะสามารถเก็บผู้บริโภคทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดของเราได้ทั้ง 100% เป็นหลักแนวคิดการทำการตลาดในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นการปรับตัวด้านกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อใช้ร่วมกับสื่อสมัยใหม่ เช่น อินเทอร์เน็ต ที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันที่สนใจด้านเทคโนโลยีเป็นหลักจนเรียกได้ว่าแทบขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งตอบสนองความต้องการในข้อมูลเบื้องต้นโดยมีทีมให้ความรู้ในรูปแบบ ทูเวย์คอมมูนิเคชั่น (Two Way Communication) ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจในบริการ ราคา เครื่องมือ ขั้นตอนการให้บริการ รวมถึงสถานที่ตั้งในการให้บริการระดับหนึ่ง จึงเกิดการตัดสินใจซื้อบริการของคลินิกได้ง่ายขึ้น จากเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลงไป ด้วยเหตุนี้ทางออเธนทิคคลินิกจึงมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อระดับกลาง และระดับล่างมากขึ้น เพราะเทรนด์การใส่ใจดูแลใบหน้า บุคลิกภาพ รูปลักษณ์ และรูปร่างของคนรุ่นใหม่ทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ยังคงขยายตัวสูง ลูกค้าที่ซื้อคอร์สปีหนึ่งๆ เยอะมาก แต่ด้วยการทำงานที่เร่งรีบทำให้ลูกค้าไม่ได้ไปใช้บริการมากนัก มาตามเวลานัดหมายไม่ได้ ต้องเป็นวันที่ว่างจริงๆ ถึงจะได้เข้าไปใช้บริการเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้คอร์สหมดอายุไปในที่สุด สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2558 นี้จะมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม และการเพิ่มลูกค้าใหม่ให้เข้ามาใช้บริการด้วยการเพิ่มแคมเปญโปรโมชั่น 'แต่งเสริมเติมสวยแบบบุฟเฟ่ต์' เพื่อเรียกกระแสดึงดูดความสนใจให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่มีกำลังซื้อไม่สูงมากนักได้รู้สึกว่าคุ้มค่าอย่างสูงสุดกับบริการ และประหยัดงบประมาณกับจำนวนครั้งในการรับบริการแบบไม่มีขีดจำกัดเพื่อสร้างระบบตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบการผ่อนชำระค่าบริการหลากหลายรูปแบบทั้งเงินสด บัตรเครดิต เป็นการมิกซ์โปรโมชั่นทางการตลาดหลายๆ รูปแบบเข้าด้วยกัน สำหรับบริการ 'แต่งเสริมเติมสวยแบบบุฟเฟ่ต์' เราคัดเลือกบริการที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ เช่น บริการฉีดมัลติวิตามินเพื่อผิวขาวสว่างใส รักษาสิว โบท็อกซ์ ร้อยไหม เลเซอร์ต่างๆ โดยลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการได้แบบอัลลิมิท เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า และพึงพอใจ เพื่อสร้างการเติบโตจากโอกาสที่ยังเปิดกว้างจากพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทย ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความสวยความงามเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งออเธนทิคคลินิกที่เน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ ผ่านการสื่อสารหลายรูปแบบเพื่อใหบรรลุเป้าหมายทางการตลาด เช่น การโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเทอร์เน็ต สื่อออนไลน์ สื่อบุคคล และการใช้ Word of Mouth โดยใช้วิธีการส่งเสริมการขายเป็นลักษณะการให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์รับบริการได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และระดับล่าง ซึ่งเน้นเป็นลูกค้ารายใหม่ อีกทั้งยังเพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนต่างๆ ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ นิตยสาร เว็บไซต์บันเทิงต่างๆ เป็นต้น และยังมีการตลาดทางตรงเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า ได้แก่ การแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของโปรโมชั่นผ่านทางโทรศัพท์ อัพเดทข้อมูลการให้บริการผ่านเว็บไซต์ และแฟนเพจของออเธนทิคคลินิก ซึ่งที่ผ่านมากลยุทธ์การสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของคลินิกอย่างต่อเนื่อง ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากกลุ่มลูกค้าผู้รักสวยรักงามทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่อย่างล้นหลาม ซึ่งออเธนทิคคลินิกเปิดให้บริการได้เพียง 2 ปีถือว่าใช้เวลาไม่นานก็สามารถขยายได้ถึง 5 สาขา มีจำนวนแฟนเพจเกิน 3 แสนราย อีกทั้งจำนวนคนไข้มีคิวนัดรับบริการก็แน่นเอี๊ยดเกือบทุกสาขา จึงถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในตลาดคลินิกความอย่างสวยงาม สำหรับเป้าหมายการเติบโตของออเธนทิคคลินิกในปีนี้ จะเน้นการลงทุนด้านเครื่องมือ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมบริการ มูลค่า 40-50 ล้านบาท ปัจจุบันออเธนทิคเปิดบริการ 5 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฐานลูกค้าประมาณ 3 หมื่นราย และมีลูกค้าต่างชาติใช้บริการราว 10% เราตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างรายได้การเติบโตได้ที่ 50% ขึ้นไป จากปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโต 20-30% โดยมูลค่าตลาดของธุรกิจคลินิกเสริมความงามโดยรวมในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่220,000-30,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตของผู้บริโภคอยู่ที่ 95% โดยในปี 2558 นี้ ธุรกิจคลินิกมีการแข่งขันอย่างรุนแรง เพราะจะมีคลินิกเสริมความงามแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง" สื่อให้เห็นว่า “ความสวย-ความหล่อ” เป็นเรื่องจำเป็นต่อการเปลี่ยนชีวิตของคนไทย
แท็ก บุฟเฟ่ต์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ