ศุลกากรตั้งเป้าปรับระบบงานให้เป็นแบบสากล

ข่าวทั่วไป Friday September 12, 1997 19:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--12 ก.ย.--กรมศุลกากร
อธิบดีกรมศุลกากรเชิญผู้แทนหน่วยงานภาคเอกชนเข้าพบ หารือปรับปรุงระบบงานให้สะดวก รวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2540 นายสมใจนึก เองตระกูล อธิบดีกรมศุลกากร ได้เชิญผู้แทนภาคเอกชนจากสภาและสมาคมต่าง ๆ เข้าพบ ณ ห้องประชุมกรมศุลกากร เพื่อร่วมกันหารือ และรับทราบปัญหา อุปสรรคที่มีอยู่จากการใช้บริการศุลกากรเพื่อจะได้รีบนำไปแก้ไขให้โดยด่วน พร้อมกันนั้นอธิบดีกรมศุลกากร ได้เปิดเผยถึงแนวคิดในการปรับปรุงระบบงานศุลกากรให้เป็นแบบสากลเช่นนานาอารยประเทศถือปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน โดยคัดเลือกคุณสมบัติที่เหมาะสม หรือ CUSTOMS BROKER เพื่อเข้ามาดำเนินการในส่วนต่าง ๆ ของศุลกากร เช่นการนำเข้า การส่งออก การขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ (สูตรการผลิต การคืนอากร) และการขอชดเชยเงินอากร เป็นต้น
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการลดขั้นตอนพิธีการที่ไม่จำเป็น หรือระบบงานที่ซ้ำซ้อนลง เพิ่มความรวดเร็ว กล่าวคือ จะลดการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร หรือในบางกรณีจะยกเว้นให้เลย เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้ใช้เวลาผ่านศุลกากรได้อย่างรวดเร็วขึ้น แต่จะเก็บข้อมูลไว้แล้วทำการสุ่มตรวจสอบในภายหลังจากรายที่มีพฤติการณ์ไปในทางทุจริต แต่ในรายสุจริตทั่ว ๆ ไปจะได้รับความสะดวกทั้งก่อนและหลังผ่านศุลกากรไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในระยะอันใกล้นี้กรมศุลกากรจะนำเอาระบบการค้ำประกันรวมในกรณีที่ต้องมีการประกันค่าภาษี โดยในขั้นต้นจะเริ่มที่ธนาคารกรุงไทยก่อน และจะขยายไปยังธนาคารอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป เพื่อช่วยลดภาระผู้ประกอบการลงจากการชำระดอกเบี้ยค้ำประกันทั้งจำนวนและระยะยาว (กว่าจะได้คืนค้ำประกัน) ให้เป็นส่งออกเท่าไหร่สามารถตัดยอดคืนผ่านธนาคารเป็นงวด ๆ ได้ทันที ทำให้เงินต้นและระยะเวลาที่ขอค้ำประกันสั้นลง ส่งผลให้ดอกเบี้ยที่เกิดจากการค้ำประกันลดน้อยลงไปด้วย
สำหรับการร่วมหารือในครั้งนี้ ทำให้ภาคเอกชนต่าง ๆ รู้สึกพอใจในนโยบายของกรมศุลกากร และทราบถึงความตั้งใจจริงของกรมศุลกากรที่จะลงมาแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งอธิบดีกรมศุลกากรมีความประสงค์ที่จะพบกับตัวแทนจากภาคเอกชนเหล่านี้บ่อย ๆ เพื่อจะได้ช่วยกันคิดแก้ไขปัญหา-อุปสรรคท่จะมีและการทำงานร่วมกันในระยะยาว
อนึ่ง เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายคณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจตามข้อเสนอของคณะกรรมการเพื่อประสานงานการแก้ไขผลกระทบค่าเงินบาทต่อธุรกิจ (คกท.) ที่มีส่งนายสถาพร กวิตานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นประธาน ในประเด็นการเร่งรัดการส่งออกโดยการแก้ไขระเบียบราชการที่เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องดำเนินการโดยเร็ว คือ ลดวงเงินค้ำประกันอัตราภาษีสำหรับผู้ส่งออกระดับพิเศษเหลือ 5% อันจะทำให้สามารถลดวงเงินค้ำประกันได้ปีละนับหมื่นล้านบาท จะส่งผลให้ธุรกิจมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นนั้น กรมศุลกากรขอเรียนให้ท่านทราบว่า ขณะนี้นายสมใจนึก เองตระกูล อธิบดีกรมศุลกากรได้พิจารณาออกประกาศกรมศุลกากร นำมาตรการลดวงเงินค้ำประกันอัตราอากรเพื่อมาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิแล้ว โดยแยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไปจะได้ลดลงกึ่งหนึ่ง และกลุ่มผู้ส่งออกระดับพิเศษซึ่งขณะนี้มีอยู่ 523 รายได้ลดลงเหลือ 5% ของการเรียกเก็บทั่วไป
ดังนั้น ผู้ที่มีความประสงค์จะขอลดอัตราอากรในกรณีดังกล่าว โปรดแจ้งความจำนงค์พร้อมยื่นเอกสารตามแบบฟอร์มที่กรมศุลกากรกำหนด โดยยื่นเฉพาะในครั้งแรกที่จะขอใช้สิทธิ และจะมีผลครอบคลุมถึงครั้งต่อ ๆ ไปด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการปฎิบัติได้ที่ ฝ่ายหลักการและสูตร ส่วนคืนอากร สำนักงานศุลกากรส่งออกท่าเรือกรุงเทพ โทร. 249-6391 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ คุณวิศวะ ปิติสุขสมบัติ โทรศัพท์ 249-9017, 2149-3298--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ