กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--ปตท.สผ.
- ตั้งเป้ายอดขายปิโตรเลียมปี 2558 โตกว่าปีที่ผ่านมา 6% ที่ระดับ 343,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานในประเทศ
- กำไรสุทธิหลังหักขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์ทางบัญชี 677 ล้านดอลลาร์ สรอ.
- จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของ 2557 ที่อัตรา 1.5 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งปี 4.5 บาทต่อหุ้น
- ใช้แนวทาง ลด ละ เลื่อน เพื่อลดต้นทุนการผลิต รักษาความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
- สถานะการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูง เงินสดในมือ 4,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. พร้อมรับมือกับภาวะน้ำมันตกต่ำ
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่าปี 2557 เป็นปีที่มีความท้าทายอย่างสูงสำหรับบริษัทน้ำมันทั่วโลก เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ โดยส่งผลกระทบกับผลประกอบการและแผนการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ปี 2557
ในปี 2557 ปตท.สผ. มีปริมาณการขายปิโตรเลียมเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณร้อยละ 10 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 321,886 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556 ที่มีปริมาณการขายปิโตรเลียมที่ 292,629 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการเริ่มการผลิตของโครงการซอติก้า การผลิตเต็มปีของ โครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย รวมถึงการเข้าซื้อโครงการในกิจการบริษัท Hess Thailand ในปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 63.38 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งปรับตัวลดลงจากปีที่แล้วที่ 65.58 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดลงประมาณร้อยละ 3 ซึ่งสะท้อนราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงในไตรมาสสี่ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังคงเป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคาขายจะอ้างอิงกับราคาน้ำมันเพียงบางส่วน และมีการปรับราคาตามรอบระยะเวลาในสัญญา ทำให้ราคาก๊าซไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวนโดยทันที ในปี 2557 บริษัทยังได้รับรู้กำไรจากการทำอนุพันธ์ประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันจำนวน 197 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 8,017 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556 ที่ 7,445 ล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับค่าใช้จ่ายในปี 2557 ของ ปตท.สผ. นั้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากการผลิตเต็มปีของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย การเริ่มตัดค่าเสื่อมราคาของโครงการซอติก้าที่เริ่มผลิต และจำนวนสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Hess Thailand รวมถึงค่าใช้จ่ายในการสำรวจที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตัดจำหน่ายหลุม นอกจากนี้จากการปรับการคาดการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในอนาคต ทำให้ในปีนี้บริษัทต้องทำการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ซึ่งเป็นไปตามมาตราฐานบัญชีสากล สำหรับโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย และโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ จำนวนทั้งสิ้น 997 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งการรับรู้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นรายการทางบัญชีเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดแต่อย่างใด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในปี 2557 มีจำนวน 6,248 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น ร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่จำนวน 4,088 ล้านดอลลาร์ สรอ.
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ในปี 2557 ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Recurring Net Profit) ที่ 1,538 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเมื่อรวมรายการ Non-recurring เช่น ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ทำให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 677 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ 63 จากปี 2556 ที่ 1,847 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ถึงแม้จะมีผลกำไรลดลง ปตท.สผ. ยังคงจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของ 2557 ที่อัตรา 1.5 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีแรกไปแล้วที่อัตรา 3 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งปี 2557 ในอัตรา 4.5 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 โดยมีวัน XD เป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 เมษายน 2558 หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2558
“ในปี 2557 บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์การลงทุนในแหล่งออย แซนด์ ประเทศแคนาดา โดยได้ตัดสินใจ Swap Asset เมื่อตอนกลางปี 2557 ซึ่งช่วยบริษัทให้สามารถลดผลกระทบจากการขาดทุนของโครงการดังกล่าว อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำได้ นอกจากนี้ในส่วนของการบริหารการเงินและสภาพคล่อง บริษัทได้เตรียมความพร้อมโดยได้ดำเนินการออก Hybrid Bonds และหุ้นกู้สกุลเงินบาท ตั้งแต่กลางปี 2557 ซึ่งทำให้ขณะนี้บริษัทมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องสูง พร้อมที่จะรองรับแผนการลงทุน และโอกาสทางธุรกิจที่ดี ในสภาวะราคาน้ำมันที่ตกต่ำได้ โดย ณ สิ้นปี 2557 เรามีเงินสดในมือ ประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ เรายังคงมีความได้เปรียบในเรื่องของความยืดหยุ่นในการวางแผนการลงทุน และการดำเนินงาน ซึ่งหลังจากการก่อสร้างโครงการซอติก้าได้แล้วเสร็จ และได้เริ่มการผลิตในปีที่ผ่านมา และโครงการแอล จีเรีย 433เอ & 416บี ที่ใกล้จะแล้วเสร็จ และจะเริ่มผลิตได้ในปีนี้ บริษัทยังไม่ได้มีข้อผูกพันที่จะต้องลงเงินในโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้เงินลงทุนเพื่อการพัฒนาสูง ซึ่งเรายังไม่มีความจำเป็นต้องรีบตัดสินใจลงทุนในโครงการดังกล่าวในวันนี้ อาทิเช่นการลงทุนในโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ โครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์, และแหล่ง Cash Maple โครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย เรายังมีเวลาที่จะดูความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและจังหวะที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจเดินหน้าในการลงทุน” นายเทวินทร์กล่าว
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ ปตท.สผ. ได้ริเริ่มโครงการ “SAVE…to be SAFE” ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
“ปตท.สผ. ใช้แนวทาง ลด ละ เลื่อน ในการปรับแผนกลยุทธ์ของบริษัท ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ละในกิจกรรมที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องทำในขณะนี้ และเลื่อนการลงทุนในโครงการที่มีความเสี่ยงออกไปก่อน โดยได้จัดอันดับความสำคัญของการใช้เงินลงทุน เพื่อปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์น้ำมันที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ปตท.สผ.ถือเป็นภารกิจสำคัญ ก็คือ การรักษาระดับการผลิตปิโตรเลียมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความต้องการใช้ปิโตรเลียมของประเทศ” นายเทวินทร์กล่าวเสริม
แนวโน้มและแผนการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ในปี 2558
ปตท.สผ. คาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 จากปี 2557 โดยคาดว่าอยู่ที่ระดับประมาณ 343,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว โดยส่วนใหญ่จะมาจากการผลิตเต็มปีของโครงการซอติก้า และจากโครงการผลิตปิโตรเลียมของบริษัท Hess Thailand ที่ ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อกิจการในปีผ่านมา รวมถึงการผลิตน้ำมันดิบจากโครงการแอลจีเรีย 433เอ & 416บี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในครึ่งหลังของปี 2558 ส่วนประมาณการรายจ่ายรวม ในปี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ 4,832 ล้านดอลล่าร์ สรอ. ซึ่งจะใช้สำหรับกิจกรรมการสำรวจ พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมที่มีความจำเป็น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในประเทศไทยและภูมิภาคใกล้เคียง
ปตท.สผ. คาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปี 2558 ยังคงมีความผันผวนอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก แต่อาจมีปัจจัยบวกจากอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกที่คาดว่าจะเติบโตช้าลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งปตท.สผ.ได้เตรียมแผนเพื่อรองรับสภาวการณ์ดังกล่าว โดยส่วนของน้ำมันและคอนเดนเสทบริษัทยังคงนโยบายในการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ด้วยการทำอนุพันธ์ประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ซึ่งใช้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เป็นราคาอ้างอิง นอกจากนั้นบริษัทยังคงดำเนินการลดค่าใช้จ่ายตามโครงการ SAVE…to be SAFE ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับลดดังกล่าวต้องไม่ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องถือปฎิบัติตามนโยบายของบริษัทอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ปตท.สผ. จะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะทำการทบทวนแผนลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยทันที สำหรับโอกาสในการเข้าซื้อกิจการเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตนั้น ในสถานะการณ์เช่นนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทโดยยังคงมุ่งเน้นความสนใจลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เรามีความพร้อมที่จะรับมือกับสภาวะราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ทั้งในส่วนของสถานะการเงินของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสูง รวมทั้งเรามีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานและการลงทุนตามสภาวะน้ำมันในราคาต่างๆ โดยเป้าหมายของเราคือพยายามที่ลดผลกระทบระยะสั้นที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันผันผวน แต่ยังคงรักษาเสถียรภาพการเติบโตได้ในระยะยาว” นายเทวินทร์ กล่าวในตอนท้าย
ปริมาณสำรองปิโตรเลียมพิสูจน์แล้ว ณ 31 ธันวาคม 2557
ปริมาณสำรองปิโตรเลียมพิสูจน์แล้ว ของ ปตท.สผ. และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 รวมทั้งหมด 777 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ คิดเป็นสัดส่วนของน้ำมันดิบและคอนเดนเสทประมาณร้อยละ 24.และก๊าซธรรมชาติประมาณร้อยละ76