กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ยูพีเอส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปริมาณการส่งออกพัสดุภัณฑ์ใน ไตรมาสที่ 3 เติบโตกว่า 35% ในขณะที่ผลประกอบการรวมในไตรมาสนี้โตถึง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน การดำเนินงานของของยูพีเอส ประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของยูพีเอสทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปริมาณการส่งออกพัสดุภัณฑ์ในไตรมาสที่สามในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 25%
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสสามของยูพีเอสทั่วโลก มีรายได้รวมเติบโตถึง 17.9% ในขณะที่กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 22.9% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของปริมาณการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ทั่วโลกและการขยายธุรกิจซัพพลายเชน
สำหรับไตรมาสที่สามของปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.86 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 0.78 เหรียญสหรัฐฯ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องมาจากการให้คืนภาษีซึ่งส่งผลดีต่อรายได้ในไตรมาสที่สามของปี 2547 ทำให้รายได้ต่อหุ้นพุ่งขึ้นถึง 22.9%
นายฮาลิม เซลามัท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูพีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า “ผลประกอบการ
ในไตรมาสนี้ถือว่าเป็นไตรมาสที่ยอดเยี่ยมของยูพีเอส ประเทศไทย โดยผลประกอบการในไตรมาสนี้แสดงให้ เห็นว่าเราได้ดำเนินธุรกิจมาในทิศทางที่ถูกต้อง และเรามั่นใจว่าผลประกอบการของเราจะเติบโตขึ้นอีก”
ในไตรมาสนี้ ยูพีเอสมีรายรับรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,055 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 43,255 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ 895 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 36,695 ล้านบาท) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 19.1% เป็น 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 61,500 ล้านบาท) ขณะที่รายได้สุทธิมีมูลค่า 953 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 39,073 ล้านบาท) ปริมาณการจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายวันเฉลี่ยทั่วโลก เพิ่มขึ้นอีก 644,000 ชิ้น หรือ 4.7% คิดเป็น 14.3 ล้านชิ้น
ในสหรัฐอเมริกา ปริมาณการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ต่อวันโดยเฉลี่ยซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 4% นั้น นับว่าสูงมากและเกินกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอีก 6.1% ในส่วนของธุรกิจเน็กซ์ เดย์ แอร์ (Next Day Air) ในขณะที่ปริมาณการจัดส่งภาคพื้นดินเฉลี่ยรายวันเพิ่มขึ้น 3.6% สำหรับการดำเนินงานนอกสหรัฐฯ ปริมาณการจัดส่งพัสดุเฉลี่ยรายวันโดยรวมเพิ่มขึ้น 11.2% เป็น 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อวัน (ประมาณ 615 ล้านบาท) อันเป็นผลมาจากการเติบโตเป็นอัตราตัวเลข 2 หลัก ทั้งในยุโรปและเอเชีย
ความสำเร็จและการเติบโตในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ของยูพีเอสในช่วงไตรมาสที่สอง มีดังนี้
รายได้จากการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ภายในประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 6.9% เป็น 7,030 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 288,230 ล้านบาท) บริการทุกประเภทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 18% เป็น 1,110 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 45,510 ล้านบาท)
รายได้จากการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 14.5% เป็น 1,920 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
(ประมาณ 78,720 ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงานในเซ็กเม้นท์นี้ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 19.5% คิดเป็น 318 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,038 ล้านบาท) ในขณะที่ปริมาณการส่งออกเติบโตถึง 12.5% โดยเฉพาะปริมาณการส่งออกในเอเชียเพิ่มถึง 26% ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการส่งออกในประเทศจีนโตถึง 34%
รายได้จากธุรกิจในส่วนของธุรกิจซัพพลายเชน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 130% คิดเป็น 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 65,600 ล้านบาท) อันเนื่องมาจากการดำเนินงานของเมนโล เวิลด์ไวด์ ฟอร์วาร์ดดิ้ง (Menlo Worldwide Forwarding) และการเข้าไปควบรวมกิจการของโอเว่อไนท์ (Overnite) กำไรจากการดำเนินงานในเซ็กเม้นท์นี้เพิ่มขึ้นถึง 37.3% คิดเป็น 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายบริการต่างๆ และการเข้าไปซื้อกิจการอื่นของยูพีเอส ในส่วนของการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ ยูพีเอสได้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง รวมทั้งยังได้ซื้อกิจการของบริษัท แอลวายเอ็นเอ็กซ์ เอ็กซ์เพลส (LYNX Express Ltd.) ในอังกฤษด้วย สำหรับในสหรัฐอเมริกา ยูพีเอส ได้เข้าไปควบรวมกิจการของโอเว่อไนท์ (Overnite) อย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันยูพีเอส ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ ก็ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพแห่งใหม่ ที่เมืองหลุยส์วิลล์ รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ในเซาท์ แคลิฟอร์เนีย นอกจากนี้ ยูพีเอสยังได้ปรับปรุงบริการเทรด ไดเร็ค (Trade Direct) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้การขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ขนาดเล็กไปยังประเทศต่างๆ มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่านเข้าคลังสินค้าปลายทางเพื่อคัดแยกและจัดส่ง
นายสกอตต์ เดวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของยูพีเอส กล่าวว่า “บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าการเติบโตของกำไรต่อหุ้นรวมตลอดทั้งปี 2548 น่าจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 18 — 20% เมื่อเทียบกับระดับ 2.90เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2547 (ในปี 2547 กำไรต่อหุ้นตามมาตรฐานของ GAAP อยู่ที่ระดับ 2.39 เหรียญสหรัฐฯ)
“สำหรับปี 2549 ยูพีเอสคาดว่า กำไรต่อหุ้นน่าจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 11-16% อันเนื่องมาจากผลประกอบการ ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งมากในปีนี้ สำหรับธุรกิจจัดส่งพัสดุภัณฑ์ขนาดเล็กทั่วโลกน่าจะมีรเติบโตที่ดีเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของกำไรในการดำเนินงานทั้งในส่วนของการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ ทั้งภายใน ประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดว่าน่าจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นในส่วนของธุรกิจการให้บริการซัพพลายเชนด้วย” มร. เดวิส กล่าวเสริม
“ยูพีเอส” เป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำโลกในธุรกิจบริการ Supply Chain ที่ให้บริการหลากหลายครบวงจรที่เชื่อมโยงขับเคลื่อนให้ “สินค้า ข้อมูลและเงินทุน” ไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทยูพีเอส มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง แอตแลนต้า มลรัฐจอร์เจีย และมีศูนย์จัดส่งและให้บริการในกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครองต่างๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ “ยูพีเอส” ยังเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารของ “ยูพีเอส” ได้ที่ UPS.com
แถลงข่าวในนาม : ยูพีเอส (ประเทศไทย)
รายละเอียดเพิ่มเติม : อิศวรา ศกุนวัฒน์ (isavara.sakunwadhana@ogilvy.com)
บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด โทร. 0 2205 6610
: พงศ์ชยุต ลดาวัลย์
บริษัท ยูพีเอส พาร์เซล ดีลิเวอร์รี่ เซอร์วิส จำกัด โทร. 0 2712 3090--จบ--