กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--
นาย อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด มหาชน ได้กล่าวถึง การขายหุ้นบางจากของ บมจ ปตท ว่า เป็นนโยบายที่ทาง คณะกรรมการบริษัท ปตท. ต้องการลดภาพการผูกขาดในธุรกิจพลังงาน เพื่อเพิ่มการแข่งขันในตลาด โดย ปตท. น่าจะทำตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2544 ก่อนมีการแปรรูป ปตท. โดยให้เร่งขายหุ้นที่ถืออยู่ในโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และโรงกลั่นบางจาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ ปตท ถือหุ้น บางจาก อยู่ บางจากก็บริหารงานอย่างเป็นอิสระ ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักบรรษัทภิบาล โดยที่ ปตท ก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของบางจาก และมีผู้แทนของ ปตท นั่งอยู่ในบอร์ดบางจากได้ทำหน้าที่กรรมการอย่างมีออาชีพ
นาย อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า การลดการถือหุ้นของ ปตท.ที่ถืออยู่ในบางจากประมาณร้อยละ 27 นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบทางการ เงินหรือการลงทุนของบางจากแต่อย่างใด แต่จะยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน เพราะที่ผ่านมาหากโครงการใด ๆ ที่มองว่าอาจจะแข่งขันกันเองในธุรกิจนั้น บางจากอาจมีข้อจำกัดในการขยายการลงทุนบ้าง เชื่อมั่นว่านักลงทุนที่ถือหุ้น ในบางจากไม่ได้วิตกกังวลกับกรณีการขายหุ้นของ ปตท.ออกไป และจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบางจาก ปัจจุบันบางจากมีความเข้มแข็งทางการเงินพอที่จะลงทุนได้เอง ในส่วนของการขายหุ้นบางจากของ ปตท. ต้องมีกระบวนการที่เป็นไปตามหลักบรรษัทภิบาลและคำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและประชาชน
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่ ปตท ตัดสินใจเลือกขายหุ้นให้จะเป็น หุ้นส่วนสำคัญ ในการผลักดันให้บริษัทเจริญก้าวหน้าต่อไป สร้างผลตอบแทนที่เป็นธรรมและยั่งยืนต่อผู้ถือหุ้น เป็นองค์กรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและยึดมั่นค่านิยมและวัฒนธรรมแห่งความโปร่งใสและธรรมาภิบาลซึ่งเป็นสิ่งที่บางจากได้ยึดถือมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีในการดำเนินกิจการ” นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการ บมจ บางจาก กล่าวทิ้งท้าย