กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--ปตท.
นายบุรณิน รัตนสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป จากรายงานหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shell oil) ในสหรัฐฯ ลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับนักลงทุนมีความเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบได้ผ่านระดับต่ำสุดแล้ว โดยล่าสุด (2 ก.พ.58) ราคาปิดตลาดสิงคโปร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับเพิ่มขึ้น 5.17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 สิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้น 6.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันดีเซลเพิ่ม 2.27 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ 62.91 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับช่วงเวลาต่ำสุดกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับราคาเอทานอลซึ่งเป็นส่วนผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในอัตราสูง ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มเบนซินเหลือเฉลี่ยเพียงไม่ถึง 1 บาทต่อลิตร ดังนั้น ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล 50 สตางค์/ลิตร และ E85 ปรับขึ้น 30สตางค์/ลิตร (เบนซินและดีเซลคงเดิม) ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีก ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 ก.พ. 58) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ราคาเป็นดังนี้
หน่วย: บาท/ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 (บลู แก๊สโซฮอล E85) 21.98
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 (บลู แก๊สโซฮอล E20) 24.68
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (บลู แก๊สโซฮอล 95) 27.40
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (บลู แก๊สโซฮอล 91) 26.08
น้ำมันเบนซิน 95 (บลู แก๊สโซลีน 95) 33.96
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (บลู ดีเซล) 25.09
นายบุรณิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวน และแกว่งตัวเพิ่มขึ้นตามปัจจัยทางจิตวิทยา ซึ่งยังคงต้องติดตามสถาณการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ปตท. จะพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมาะสมในภาพรวมต่อไป