กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัทที่ระดับ “A+” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งเพื่อการลงทุนของกลุ่มธนชาตโดยมีอำนาจการบริหารงานและการได้รับเงินปันผลผ่านการถือหุ้น 50.96% ในธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และการสนับสนุนที่ได้รับจาก Bank of Nova Scotia (BNS) ซึ่งเป็นพันธมิตรจากประเทศแคนาดาที่ถือหุ้น 49% ในธนาคารธนชาตผ่าน Scotia Netherlands Holdings B.V. ด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงอ่อนแอ ตลอดจนปริมาณสำรองเพื่อรองรับความเสียหายจากสินเชื่อซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นแต่ยังมีจำนวนน้อย และภาวะตลาดรถยนต์รวมทั้งเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวในปัจจุบัน
อันดับเครดิตองค์กรของบริษัททุนธนชาตอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารธนชาต (AA-) อยู่ 1 ขั้น ซึ่งสะท้อนถึงการด้อยสิทธิเชิงโครงสร้าง โดยสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทจะด้อยกว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของธนาคารธนชาต นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงการพึ่งพิงรายได้เงินปันผลจากธนาคารธนชาตเป็นหลัก รวมทั้งการกำกับดูแลจากทางการอันอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของธนาคารธนชาตให้แก่บริษัทด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่า ธนาคารธนชาตซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทจะคงสถานะทางการแข่งขันในธุรกิจหลักไว้ได้ และคาดว่าคุณภาพสินเชื่อของธนาคารธนชาตจะไม่เสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญในภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังชะลอตัว
สถานะเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารธนชาตลดลงเนื่องจากการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อและต้นทุนด้านเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตในทางบวกถูกจำกัดในระยะเวลาอันใกล้เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนตัว รวมทั้งพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
บริษัททุนธนชาตมีขนาดสินทรัพย์รวม ณ เดือนกันยายน 2557 ใหญ่เป็นอันดับ 6 จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 16 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 7.5% และเงินรับฝาก 6.6% รายได้จากการดำเนินงานสุทธิของบริษัทมาจากธุรกิจธนาคารประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ ลีสซิ่ง หลักทรัพย์ บริหารกองทุน และบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ธนาคารธนชาตอำนวยสินเชื่อใหม่ด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและยอดขายรถยนต์ที่ยังคงซบเซา ส่งผลให้สินเชื่อรวมขยายตัวเพียง 5% ในปี 2556 เทียบกับ 19% ในปี 2555 สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลกระทบต่อพอร์ตสินเชื่อ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีสินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ 772.8 พันล้านบาท หดตัวลง 2% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2556 โดยมูลค่าพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ซึ่งเป็นพอร์ตที่ใหญ่ที่สุด ลดลง 6% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2556
สถานะด้านความเสี่ยงของบริษัทยังคงกระทบจากสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน สินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) ในระดับสูง โดยบางส่วนเป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารธนชาตได้รับจากการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงในปี 2555 แต่กลับเพิ่มขึ้นในปี 2556 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 มีจำนวน 37.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 34.3 พันล้านบาทในปี 2555 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 4.5% ในปี 2555 เป็น 4.9% ในเดือนกันยายน 2557 ธนาคารธนชาตได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเป็นพิเศษในปี 2556 เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองส่วนเกินให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำรองส่วนเกินของธนาคารยังคงต่ำกว่ากลุ่มธนาคารอื่น ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทมีอัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 85% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของการควบคุมสินเชื่อด้อยคุณภาพและการเพิ่มปริมาณสำรองหนี้สงสัยจะสูญให้มากยิ่งขึ้น
ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.7 พันล้านบาท ลดลง 46% เนื่องจากผลลัพธ์สุทธิจากรายการพิเศษของธนาคารธนชาต 2 รายการที่เกิดขึ้นในปี 2556 ได้แก่ กำไรจากการขายธุรกิจประกันชีวิตและสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มเติมเป็นพิเศษ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารอื่น โดยยังคงมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
บริษัทมีเงินกองทุนที่เพียงพอต่อการขยายตัวในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของกลุ่มธุรกิจเท่ากับ 8.88% และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมเท่ากับ 13.66% ซึ่งยังคงสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระดับ 6.00% และ 8.50% ตามลำดับ
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TCAP18NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
TCAP20NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
TCAP22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
TCAP238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
TCAP23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
TCAP258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable