กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--เครือสหวิริยา
นายชัชวาลย์ อิ่มบัญชร ผู้จัดการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ เครือสหวิริยา เปิดเผยข้อมูล กรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดกรณีที่ดินที่จะสร้างโรงถลุงเหล็กสหวิริยา โดยจะให้มีการเพิกถอนที่ดินจำนวน 11 แปลง จากที่ดินทั้งหมด 22 แปลงนั้น
นายชัชวาลย์ ได้ชี้แจงในรายละเอียดว่า
1. ที่ดินทั้งหมดดังกล่าว เป็นที่ดินที่บริษัทฯ ถือครองต่อ หรือซื้อต่อมาจากชาวบ้าน อ.บางสะพาน ที่นำมาขายให้กับบริษัท บริษัทฯ มิได้เป็นผู้ขอออกเอกสารสิทธิดังกล่าว ซึ่งในการซื้อมามีการเสียค่าตอบแทน รวมทั้งจดทะเบียนอย่างถูกต้องที่สำนักงานที่ดินฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ
2. ทีดินทั้ง 22 แปลงดังกล่าว มิได้เป็นที่ดินที่จะก่อสร้างโรงถลุงเหล็กแต่อย่างใด ซึ่งบริเวณที่จะก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก อยู่ด้านบน (เหนือ) ของบริเวณที่ดินที่เป็นกรณีพิพาท และบริษัทฯ ได้ระงับการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กไปแล้ว เนื่องจากบริษัทในเครือฯ ได้เข้าไปลงทุนในโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษ จึงไม่มีความจำเป็นต้องก่อสร้างโรงถลุงเหล็กในเวลานี้ และที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบและไม่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานในปัจจุบันของบริษัทในเครือสหวิริยา
"อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินบริเวณเดียวกันกับที่ดินพิพาทที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดต่อ ศาลปกครองกลาง เมื่อปี 2551 และต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 ศาลปกครองกลางได้มี คำพิพากษา การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทดังกล่าว เป็นไปโดยชอบด้วยกฏหมาย โดยพื้นที่พิพาทนั้นไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์หรือที่สงวนไว้เพื่อทรัพยากรธรรมชาติ" นายชัชวาลย์ กล่าว