กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พลิกวิกฤติราคายางตกต่ำสุดในรอบ 5 ปี ผุดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตยางแผ่นรมควันของสหกรณ์โรงรมยางเพื่อชาวสวนยางโดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เดือดร้อนจนเกิดการรวมตัวปิดถนนและประท้วงต่อเนื่องตั้งแต่กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตของสหกรณ์ฯพร้อมส่งเสริมและพัฒนาการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต และการแปรรูปสินค้ายางพาราให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานเพื่อยกระดับรายได้ พัฒนาการค้าการท่องเที่ยวและบริการ โดยเป้าหมายเพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 40 ผลิตยางแผ่นได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ลดระยะเวลาในการอบยางแผ่นลงร้อยละ 20 อีกทั้ง สามารถสร้างรายได้ให้กลุ่มสหกรณ์ได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ซึ่งหากโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี กสอ. ก็จะเดินหน้าขยายผลการปรับปรุงสหกรณ์โรงรมยางแห่งอื่นๆต่อไป ทั้งนี้ในปี 2557 ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายนที่ผ่านมาไทยสามารถผลิตยางพาราได้กว่า 2.1 ล้านตัน และสามารถส่งออกได้ถึง 3.66 ล้านตัน ทิ้งห่างอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ผลิตได้ประมาณ 2.7ล้านตัน และ 0.8 ล้านตัน ตามลำดับ บนพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศกว่า 22 ล้านไร่ โดยเป็นยางแผ่นรมควัน (Ribbed smoked sheet) 5.8 แสนตันหรือร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตยางแผ่นทั้งหมด
นายอาทิตย์ วุฒิคะโรอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ยางพารานับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดใหญ่รวมถึงก่อให้เกิดรายได้และประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ไทยกลายเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลกโดยใน ปี 2557 ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน ที่ผ่านมาไทยสามารถผลิตยางพาราได้กว่า 2.1 ล้านตัน (ข้อมูล : ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) และสามารถส่งออกได้ถึง 3.66 ล้านตัน ทิ้งห่างอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ผลิตได้ประมาณ 2.7ล้านตัน และ 0.8 ล้านตัน ตามลำดับ บนพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศกว่า 22 ล้านไร่ (ข้อมูล : สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร) โดยเป็นยางแผ่นรมควัน (Ribbed smoked sheet) 5.8 แสนตันหรือร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตยางแผ่นทั้งหมด ทั้งนี้ยางแผ่นรมควัน หมายถึง ยางแผ่นดิบที่ทำให้แห้งด้วยการใช้ความร้อนและควันจากการเผาไหม้ที่มีการควบคุมอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม
นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่า ปัญหาของการผลิตยางแผ่นรมควันของสหกรณ์กองทุนสวนยางในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และสตูล คือการแห้งของแผ่นยางที่ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากความร้อนที่เข้าสู่ห้องอบกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ มีความร้อนมากเป็นจุดๆทำให้แผ่นยางแผ่นรมควันที่ได้จึงมีคุณภาพต่ำอีกทั้งต้องใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมากต่อการอบแต่ละครั้ง ดังนั้น
การปรับปรุงประสิทธิภาพและการลดต้นทุนการผลิตยางแผ่นรมควันของสหกรณ์ฯจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อลดต้นทุนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้ายางพารา ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น และกลุ่มสหกรณ์มีความเข้มแข็งและยั่งยืนตลอดจนเพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกเป็นลำดับต้นๆ ของโลก แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันการผลิตแผ่นยางรมควันโดยเกษตรกรกลับมีไม่มาก กำลังผลิตรวมกันแล้วประมาณร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตยางแผ่นทั้งหมดเนื่องจากมีปัญหาหลายประการ เช่น ขาดการบริหารจัดการที่ดีทำให้บางกลุ่มขาดทุนและหยุดกิจการ
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าการส่งออกอุตสาหกรรมยางของไทยจะสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกแต่จากวิกฤติราคายางที่ลดลงเหลือเพียง 53.63 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี (2554-2558) และเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ระดับ 64.90 บาทต่อกิโลกรัมทำให้ชาวสวนยางโดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดือดร้อนมากส่งผลให้ชาวสวนยางรวมตัวกันปิดถนนและประท้วงอย่างต่อเนื่อง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานภาครัฐจึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างเร่งด่วนซึ่งมีโครงการส่งเสริมต่างๆ อาทิ
- โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนในการรับซื้อน้ำยางดิบจากเกษตรกรซึ่งจะเป็นวิธีการช่วยลดปริมาณยางที่มีผลผลิตล้นตลาด
- โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางเพื่อขยายกำลังการผลิต หรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิตวงเงิน 15,000 ล้านบาท
- โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตยางแผ่นรมควันของสหกรณ์โรงรมยาง ดำเนินงานโดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมฯลฯ
สำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตยางแผ่นรมควันของสหกรณ์โรงรมยาง เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557 สิ้นสุด 30 กันยายน 2558 รวมระยะเวลา 1 ปี โดยนำร่องปรับปรุงสหกรณ์โรงรมยางเดิมที่ประสบปัญหาจำนวน 8 แห่ง ซึ่งนำพลังงานทดแทนมาใช้ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ เป็นต้น เพื่อลดการใช้พลังงาน ตลอดจนปรับปรุงบ่อก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนในสหกรณ์โรงรมยางนำร่อง ทั้งนี้ โครงการฯดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 40 รวมทั้งผลิตยางแผ่นได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 และลดระยะเวลาในการอบยางแผ่นลงร้อยละ 20อีกทั้งสามารถสร้างรายได้ให้กลุ่มสหกรณ์ได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ซึ่งหากโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี กสอ. ก็จะเดินหน้าขยายผลการปรับปรุงสหกรณ์โรงรมยางแห่งอื่นๆต่อไป นายอาทิตย์ กล่าวสรุป
สำหรับ ผู้ประกอบการ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม165 ถนนกาญจนวนิช ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 โทรศัพท์ 074 - 211906 - 8 โทรสาร 074 – 211904 และ สามารถติดตามข่าวสาร กิจกรรม โครงการต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr