กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ปตท.
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้เพิ่มศักยภาพสถานีบริการเอ็นจีวีตั้งแต่ปี 2557 โดยการก่อสร้างสถานีบริการเอ็นจีวีเพิ่มเติมไปแล้ว 7 แห่ง สำหรับบริการภาคประชาชน ภาคขนส่ง รวมถึงรถบริการสาธารณะ พร้อมทั้งทยอยปรับการให้บริการ ณ สถานีบริการเอ็นจีวี ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้รถเอ็นจีวีให้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ในปี 2558 ปตท. ได้เตรียมแผนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ใช้รถเอ็นจีวีให้ทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง อาทิ การขยายสถานีบริการเอ็นจีวีอีก 7 แห่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการของผู้ใช้รถฯ ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างสถานีฯ ตามแนวท่อส่งก๊าซฯ รองรับรถโดยสารเอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลขนกรุงเทพ (ขสมก.) ในอนาคต โดยขณะนี้ ปตท. อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ สำหรับการจัดตั้งสถานีบริการเอ็นจีวีอีก 4 แห่ง ตามข้อตกลงระหว่าง ปตท. กับ สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย อีกด้วย รวมทั้ง ปตท. มีแผนในการปรับรูปแบบสถานีบริการนอกแนวท่อฯ มาเป็นสถานีบริการตามแนวท่อฯ ตามโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติในส่วนภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการก๊าซเอ็นจีวีแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นได้อีก 140 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ ปตท. ได้เตรียมพัฒนาการบริการในสถานีบริการเอ็นจีวี โดยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของพนักงานหน้าลาน เพิ่มพื้นที่สีเขียว การจัดระเบียบของรถที่เข้าใช้บริการ การดูแลความสะอาดภายในสถานีฯ ตลอดจนปรับรูปแบบของสถานีบริการให้เป็นแบบครบวงจรให้มีทั้งร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำสะอาด ร้านอาหาร และจุดพักรถ ที่สำคัญที่สุดคือ การควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการขนส่งก๊าซเอ็นจีวีไปยังสถานีบริการนอกแนวท่อส่งก๊าซฯ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
“ก๊าซเอ็นจีวีเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาดและถูกที่สุด ปตท. ได้พัฒนามาตรฐานและบริการของสถานีบริการเอ็นจีวีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการรู้คุณค่าของพลังงาน เพื่อให้ประเทศไทยมีพลังงานใช้อย่างพอเพียงและสามารถรองรับความต้องการได้ตลอดไป ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือจากทุกท่านด้วย” นายสมเกียรติ กล่าวเสริมในตอนท้าย