กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--Work Link da Agency
มองภาพรวมตลาดอิฐมวลเบาในประเทศและ AEC ยังเติบโตต่อเนื่อง ความต้องการสูง
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART)ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกสินค้าใหม่ ภายในไตรมาส 3 นี้ โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้บริษัทวางแผนเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารภาครัฐมากขึ้น เพื่อทดแทนงานภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว เพิ่มตัวแทนจำหน่าย 15-20%จากปัจจุบันมีจำนวนประมาณ100 กว่าราย อีกทั้งจะขยายการกระจายสินค้า-ขนส่งให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากเดิมที่อิฐมวลเบา SMART เน้นการจำหน่ายในเขตภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน
“โครงการอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกและภาคอีสานยังมีการลงทุนก่อสร้างต่อเนื่อง แต่การแข่งขันก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยสร้างระบบการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพื่อสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นๆได้ เบื้องต้นบริษัทจะตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่ จ.นครราชสีมา และยังได้มีการขยายกลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันบริษัทได้รับออร์เดอร์ในส่วนนี้เข้ามาแล้ว”นายรังสีกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดเตรียมวัตถุดิบเพื่อรองรับการผลิตสินค้า โดยเมื่อปลายปี 57 ได้ทำการซื้อที่ดินบ่อทราย จำนวน176 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ อ.บ่อทอง ซึ่งไม่ไกลจากโรงงาน SMART เพื่อใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ รองรับการผลิตสินค้า มีจำนวนมากพอต่อการผลิตมากกว่า7 ปี โดยปัจจุบัน SMART มีกำลังการผลิตที่4.5 ล้านตารางเมตรต่อปี
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้ คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 470ล้านบาท โดยเป็นผลจากการดำเนินแผนงานดังกล่าว ขณะที่สัดส่วนรายได้ปีนี้จะแบ่งเป็นงานภาคเอกชน 50%งานภาครัฐ 50% จากเดิมสัดส่วนรายได้งานภาคเอกชนเกือบ 100%
นายรังสี กล่าวต่อไปถึงภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในปี2558 ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดในประเทศจะยังไม่คึกคักหรือมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีการลงทุนในโครงการใหม่มากนัก แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เริ่มดำเนินโครงการแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาของไทยในปีนี้มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ส่วนตลาดรวมในภูมิภาคอาเซียน (กัมพูชา ลาว พม่า: CLM) น่าจะมีการขยายตัวที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆภายในประเทศ อาทิ โครงข่ายถนน ระบบสาธารณูปโภค โรมแรม ที่อยู่อาศัย ขณะที่สินค้าวัสดุก่อสร้างภายในกลุ่มประเทศCLM อาจมีคุณภาพ มาตรฐาน ตลอดจนมีปริมาณไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานก่อสร้างในหลายโครงการ ส่งผลให้กลุ่มประเทศ CLM มีความต้องการซื้อสินค้าในหมวดวัสดุก่อสร้างจากไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรส่งสินค้าอิฐมวลเบาไปขายในประเทศพม่า ในรูปแบบการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย และมีแผนขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆเช่นกัน