กรุงเทพ--2 เม.ย.--พีเออี
บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการปี 2539 มีรายได้เพิ่มกว่า 44% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 3.50 บาทต่อหุ้น ด้าน นโยบายปี 2540 เน้นปรับโครงสร้างภายในให้แข็งแกร่ง เพิ่มประสิทธิภาพการทำ งานให้ดีขึ้น เข้าร่วมประมูลงานในภาครัฐ พร้อมทั้งขยายงานในภูมิภาคมากขึ้น
ดร.ธนาคม สกุลไทย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทพีเออี (ประเทศ ไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของพีเออีประจำปี 2539 มี รายได้รวมประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 44% กำไร สุทธิ 146.6 ล้านบาท และสินทรัพย์รวม 3,409.0 ล้านบาท
ดร.ธนาคม กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อ เนื่องทุกปี เนื่องจากธุรกิจทั้ง4 สาขาของบริษัท คือ สาขาด้านวิศวกรรมการก่อ สร้าง ทั้งด้านโยธาและเครื่องกล งานด้านบริการอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นงานบริการ เฉพาะทาง สาขาด้านโทรคมนาคมและจัดหาบุคลากร และสาขาด้านตัวแทนจำ หน่าย มีอัตราการเติบโตสูง มีการทำงานที่สนับสนุนซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ทำให้ สามารถรับงานได้อย่างต่อเนื่อง และทำงานได้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนั้น พี เออียังเน้นการขยายงานด้านโทรคมนาคมและมีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงให้น้อยลง ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคงและมีประ สิทธิภาพ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2540 มีข้อ สรุปให้จ่ายเงินปันผลจำนวน 3.50 บาทต่อหุ้น
ดร.ธนาคม กล่าวต่อไปอีกว่าในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะลดต้นทุนในด้านต่างๆ และชะลออัตราการเติบโตของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คือประมาณไม่เกิน 30% ต่อปีและรักษาระดับการเติบโตของกำไรให้อยู่ในอัตราระหว่าง 15-20% เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น อันจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นด้วย ทั้งในส่วนที่กำลังดำเนินการคือ 1. การลดต้นทุนทางการเงิน โดยจะมีการปรับ โครงสร้างทางการเงินจากระยะสั้นเป็นระยะยาว จำนวน 600 ล้านบาท 2.การ ฝึกอบรมบุคลากรให้มีคุณภาพในการทำงานมากขึ้น 3. การลงทุนในการซื้อเครื่อง จักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการก่อสร้างดีขึ้น จะช่วยลดระยะเวลาในการทำ งานและเป็นผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างลดลงไปด้วย 4. ปรับระบบการทำงานภาย ในให้เป็นระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ทั้งหมด ด้วยการติดตั้งระบบ IBM AS 400 ภายในบริษัทฯ เพื่อที่จะให้ทุกหน่วยงานทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น และ 5. การเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับซัพพลายเออร์ให้มากขึ้น
สำหรับเป้าหมายการขยายงานในปี 2540 ดร.ธนาคม เปิดเผยว่า พี เออี มีแผนที่จะลงทุนในภูมิภาคและขยายการลงทุนในภาครัฐมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อช่วย เพิ่มฐานรายได้ระยะยาวและช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินงาน โดยขยาย ตลาดการรับงานไปยังประเทศในแถบอินโดจีน เช่น เวียดนาม ลาว พม่า ซึ่งอยู่ ระหว่างการพัฒนาประเทศ และมีความต้องการด้านการก่อสร้างและพัฒนาระบบ สาธารณูปโภคพื้นฐานอยู่มาก
โดยเฉพาะในเวียดนาม พีเออีได้เข้าไปซื้อกิจการด้านการให้บริการ แก่บริษัทน้ำมัน คาดว่าภายใน 2-3 ปี ธุรกิจด้านน้ำมันและพลังงานของเวียดนามก็ เพิ่มขึ้น เพื่อพัฒนาให้สอดคล้องกับการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มอาเซียน ซึ่งจำเป็นต้องมี เมนเทนแนนซ์ เซอร์วิส ไว้รองรับด้วย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของพีเออีใน เวียดนาม
ส่วนการขยายงานในประเทศแถบเอเซีย เช่น มาเลเซีย ที่มีงานก่อ สร้างท่าเรือเพอร์ริส และงานของบริษัท ฟอร์โมซา พลาสติก กรู๊ป ของไต้หวัน ซึ่ง พีเออีสามารถผูกสัญญาระระยาวถึง 10 ปี มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การรับงานในต่างประเทศของพีเออี ได้ผ่านทางบริษัท แปซิฟิค รีซอร์สเซส อิน เตอร์เนชั่นแนล ที่พีเออีถือหุ้น 100% คา ดว่าโครงการที่ลงทุนในประเทศจะเริ่ม สร้างรายได้ให้กับพีเออีตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2540 พร้อมกันนี้พีเออียังได้ ขยายการลงทุนไปในประเทศพม่า โดยบริษัท แปซิฟิครีซอร์สเซล อินเตอร์เนชั่น แนลฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท Soon Douglas Pte,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Natsteel Limited ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเทศสิงคโปร์ และบริษัท Construction Engineering Services ดำเนิน ธุรกิจด้านการจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักที่ใช้ในธุรกิจการก่อสร้าง การให้เช่า เครื่องจักรและการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักร โดยมีทุนจดทะเบียนประมาณ 11 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการลงทุนและจัดตั้งบริษัทในพม่าอีกหนึ่งบริษัท คือ Myanmar Pacific Resources co.,Ltd. ดำเนินธุรกิจด้านการก่อสร้าง การจัดหาบุคลากร และงานทดสอบโลหะ
ดร.ธนาคม กล่าวต่อไปอีกว่า ผลจากงบประมาณรายจ่ายการลง ทุนภาครัฐที่จะต้องดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 มี จำนวนมาก ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างทั้งหลายต้องการที่จะเข้าไปรับงานราช การในส่วนนี้ สำหรับพีเออีก็เช่นเดียวกัน โดยคัดเลือกที่จะเข้ารับงานเฉพาะ ด้านพลังงาน โทรคมนาคม และสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ซึ่งการขยายงานด้านภาครัฐ นั้น พีเออีให้ความสนใจที่จะเข้าไปประมูลงานเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 15% เท่านั้น
อนึ่งโครงการในภาครัฐที่พีเออีกำลังดำเนินงานอยู่ ได้แก่ งานก่อ สร้างศูนย์ราชการ จังหวัดกำแพงเพชร มูลค่าโครงการ 368 ล้านบาท และงานก่อ สร้างสถาบันดำรงราชานุภาพ จังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการ 216 ล้านบาท และรับ งานก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดระยอง มูลค่าโครงการกว่า 367 ล้านบาท งานก่อ สร้างสถานีภาคพื้นดินให้กับระบบมือถืออิริเดียมจากบริษัท ไทยแซทเทิ่ลไลท์คอมมูนิ เคชั่น จำกัด มูลค่า 180 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทในเครือพีเออีรับงานด้านปฏิบัติ การและซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าจากบริษัทในเครือเหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายงานไปยังด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงบำบัดน้ำ เสียอีกด้วย--จบ--