กรุงเทพฯ--10 ก.พ.--พีอาร์ดีดี
นายพจน์ หะริณสุต รองกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคลและสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2557 ที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคลของบริษัทฯมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.07 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 2556 ที่ประมาณ 82,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30% (ข้อมูลจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ณ 30 ธันวาคม 2557) สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 11.28% คือ จากสิ้นปี 2556 ที่ 430,810.88 ล้านบาทเป็น 479,421.10 ล้านบาท ในส่วนของบริษัทเองถือว่ามีการเติบโตที่น่าพอใจ โดยเป็นบลจ. เพียงแห่งเดียว ที่มีสินทรัพย์สุทธิในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลมากกว่าแสนล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน รัฐวิสาหกิจ ประกันภัย รวมทั้งสถาบันการศึกษาที่ได้ให้ความไว้วางใจบริษัทเป็นอย่างดี ด้วยการบริหารกองทุนส่วนบุคคลนั้นต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
“ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 22.26% จากสิ้นปี 2556 ที่ 18.93% ทิ้งห่างอันดับ 2 อยู่ถึงประมาณ31,800 ล้านบาท โดยในปี 2558 นี้ บริษัทมั่นใจว่าจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง” นายพจน์กล่าว
ทั้งนี้ แผนการรุกธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลของบริษัทฯ ยังคงผนึกกำลังทำงานร่วมกันใกล้ชิดกับธนาคารไทยพาณิชย์ เช่น กลุ่มลูกค้าSCB Private Banking และ กลุ่มลูกค้า First Privilege Banking ของธนาคารที่ปัจจุบันยังใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกองทุนในการจัดสรรเงินลงทุนไปในส่วนที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ ตราสารทุน และการจัดสรรเงินลงทุนเพื่อให้มีการผสมกองทุนหุ้นหรือกองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เพื่อที่จะช่วยเรื่องผลตอบแทนในระยะยาวของลูกค้าให้ดีขึ้นด้วยตามระดับความเสี่ยงที่ลูกค้าสามารถจะยอมรับได้ ตรงนี้ก็ถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งด้วยเช่นกัน
นอกจากบริการและผลการดำเนินงานที่ดีในการบริหารกองทุนแล้ว บริษัทฯ ยังคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก หรือพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชนบางตัวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปีที่ผ่านมาและรวมไปถึงตราสารอนุพันธ์ที่ได้ผ่านการคัดเลือกและวิเคราะห์มาเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า
“นอกจากนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นอีกโอกาสที่บริษัทจะรุกไปพร้อมกับแบงก์แม่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีให้กับกลุ่มลูกค้าในอาเซียน หลายประเทศรอบข้างไทยให้การยอมรับและไว้วางใจต่อการฝากเงินในสกุลเงินบาท ในอนาคตเราก็อาจจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ท์หรือบริการที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ในตลาดอาเซียน โดยอาจจะเริ่มในส่วนของลูกค้าระดับบนผ่านรูปแบบของกองทุนส่วนบุคคลได้เช่นกัน” นายพจน์กล่าว