กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์
เซเรบอส เปิดตัวแคมเปญใหม่รับปี 2015 “ติดจอ 7.2 ชั่วโมง....ดื่มวีต้าเบอร์รี่เลย”ใช้พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันกระตุกให้คนหันมาดูแลดวงตา
แบรนด์วีต้า เปิดแคมเปญใหม่สำหรับวีต้าเบอร์รี่ 2015 “ติดจอ 7.2 ชั่วโมง...ดื่มวีต้าเบอร์รี่เลย”ปลุกกระแสตื่นตัวรักสุขภาพในสังคมไทย โดยเฉพาะดวงตา พบปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมการใช้จออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตต่างๆ โดยใช้เวลาอยู่หน้าจอเฉลี่ยสูงถึง 7.2 ชั่วโมงต่อวันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุ่มงบ 50 ล้านบาทวางกลยุทธ์ชนิดปูพรม ทั้ง Above และ Below-the-line เผยปล่อยหนังใหม่ ชุด “ลองนับ… 7.2 ชม. ต่อวัน” นำโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ แบรนด์แอมบาสเดอร์ขวัญใจคนไทย เพื่อให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลดวงตาคู่สวย เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายบุญเลิศ สุขเสรีทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า พฤติกรรมของคนในปัจจุบันมีการใช้อุปกรณ์ gadgetต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ตื่นไปจนถึงเข้านอน ในรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประเทศไทย ปี 2557 โดยส่วนงานดัชนีและสำรวจ สำนักยุทธศาสตร์ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็คทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พบว่า ค่าเฉลี่ยของการใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 50.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือนับเป็นเวลาโดยเฉลี่ยสูงถึง 7.2 ชั่วโมงต่อวัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ถึง 56%เพราะสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาจากเครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่เมื่อกำลังจดจ่อหรือมีสมาธิกับงานที่ทำหรือเนื้อหาที่กำลังดู มักจะจดจ้องหน้าจอจนลืมเปลี่ยนอิริยาบถและกะพริบตาน้อยลง กอปรกับแสงที่ออกมาจากจอต่างๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อเลนส์ และจอประสาทตาอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาวะคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม (Computer Vision Syndrome: CVS) ซึ่งพบบ่อยในกลุ่มนักศึกษา และกลุ่มคนทำงานในช่วงอายุ 15-34 ปี การใช้เทคโนโลยีทั้งคอมพิวเตอร์และ gadget ต่างๆ มีประโยชน์ทั้งในด้านการสื่อสารและการทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในยุคนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเราจึงพยายามสร้างพฤติกรรมที่ดีในการใช้สายตา ควบคู่กับการปกป้องดูแลดวงตาให้กับผู้บริโภค
"ภาวะคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม คือ ภาวะบกพร่อง และผิดปกติกับดวงตาจากการเพ่งจอนานเกินไป รวมกับการไม่ค่อยกะพริบตา หรือพักสายตา เช่น ตาพร่า ตาแห้ง แสบตา เคืองตา ตาสู้แสงไม่ได้ บางรายเป็นมากถึงขั้นรู้สึกตาพร่ามัว ปวดตา ปวดกระบอกตา อาการดังกล่าวอาจเป็นน้อยบ้าง มากบ้าง แตกต่างกันในระหว่างบุคคล แต่ถึงจะไม่ได้เป็นความผิดปกติที่ร้ายแรงแต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากเกิดอาการเหล่านี้บ่อยเข้า อาจจะนำมาสู่ความผิดปกติ และโรคทางสายตาที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้”
ทุ่ม 50 ล้าน ส่งกิจกรรมการตลาด 7.2 โปรเจค เน้นสื่อครบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
“รู้ไหม...เราดูจอกันคนละ 7.2 ชั่วโมงต่อวัน!”
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด วีต้าเบอร์รี่เตรียมงบประมาณสำหรับแคมเปญนี้ไว้ทั้งหมดประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำให้กลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปให้เห็นความสำคัญและดูแลดวงตาตั้งแต่วันนี้ มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ กระตุ้ให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลดวงตาทุกวันด้วยวีต้าเบอร์รี่ โดยนำเอาสถิติพฤติกรรมการใช้จอของคนในปัจจุบันที่เฉลี่ยถึงวันละ 7.2 ชั่วโมงมาเป็นตัวกระตุ้นให้คนต้องการปกป้องดวงตา เพราะเราอยู่หน้าจอกันถึงวันละ 7.2 ชั่วโมง และในปีนี้เราจะพยายามสร้างพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคให้ต่อเนื่องโดยเน้นให้ดื่มวีต้าเบอร์รี่ทุกเช้า
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการตลาดสนับสนุนโดยจะโฟกัสที่ key message โดยให้ในทุกสื่อที่มีส่วนช่วยย้ำเตือนให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตา โดยใช้สถิติการใช้จอเฉลี่ย 7.2 ชั่วโมงของคนในปัจจุบันมาเป็นตัวกระตุกให้คนตระหนักถึงความสำคัญ ซึ่งสื่อหลักยังคงเป็นโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางฟรีทีวีช่องหลัก รวมทั้งขยายไปสู่ทีวีช่องดิจิตอลช่องใหม่มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการดูทีวีของผู้บริโภค นอกจากนี้เรายังเจาะไปที่สื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้โดยตรงและเป็นสื่อที่ช่วยตอกย้ำพฤติกรรมการใช้จอของคนเมืองได้อย่างดี เช่น สื่อรถไฟฟ้า BTS และ สื่อรถไฟใต้ดิน MRT และเรายังมีกิจกรรมออนไลน์ชื่อ กิจกรรม 7.2 Project ที่เปิดให้ผู้ร่วมสนุกส่งรูปดวงตา พร้อมบรรยายว่าการอยู่หน้าจอ 7.2 ชั่วโมงนั้นยาวนานเท่ากับอะไร โดยณเดชน์ คูกิมิยะ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของวีต้าเบอร์รี่จะเป็นผู้ที่เลือกภาพและข้อความที่สร้างสรรค์ที่สุดเพื่อรับรางวัลไอโฟน 6 กิจกรรมนี้จะเป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญและเข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
"เรียกว่าเป็นแคมเปญที่ทางวีต้าเบอร์รี่วางกลยุทธ์ชนิดปูพรมครบวงจรทั้ง Above และ Below-the-line เลยทีเดียว สำหรับภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ของวีต้าเบอร์รี่เรื่องใหม่นี้ ใช้ชื่อเรื่องว่า “ลองนับ… 7.2 ชม. ต่อวัน” นำแสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ แบรนด์แอมบาสเดอร์ขวัญใจคนไทยคนเดิม มาร่วมตอกย้ำให้ดูแลดวงตา คู่สวย ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาที่ได้แนวคิดมาจากพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตติดหน้าจออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ ตลอดเวลา ทำจนเป็นความเคยชิน และลืมนับว่าเราใช้เวลาจ้องจอเหล่านี้มากถึง 50.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 7.2 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว และตอกย้ำให้ดื่มวีต้าเบอร์รี่ทุกเช้า เพราะมีสารแอนโธไซยานินจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และมีวิตามิน A สูง ช่วยในการมองเห็น" นายบุญเลิศกล่าว
สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์ จำกัด
คุณคนึงนิตย์ และคุณพิธิมา โทร. 02 718 3800