กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม
“ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลยนะ อยากเล่น อยากเล่น อยากถ่าย
คือเฟิร์นว่ามันน่ารักมาก เล่นเองรู้สึกว่าวันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้ว
ยิ่งพอย้อนกลับไปดูรู้สึกว่า เฮ้ย!ใกล้ตัวมากเหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ
แล้วก็มีความมโนมีความช่างฝัน ตรงกับชีวิตจริงของผู้หญิงยุคนี้”
ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือพิเศษไพบูลย์ ในบท เมโย
สาวใสสายมโน ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งในความรักสีชมพู
บทที่เป้-อารักษ์การันตีว่าหนุ่มๆทุกคนต้องตกหลุมรัก
จาก “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” ถึง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
Q. แฟนๆ กำลังจะได้ชมผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของใบเฟิร์นแล้วเรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
ใบเฟิร์น : สวัสดีค่ะ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือพิเศษไพบูลย์ กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่นะคะ เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” รับบทเป็น เมโย ค่ะ เป็นเด็กสาวนักศึกษาปี 4 ค่ะ สดใสสมวัย ร่าเริง แต่ก็มีลุคส์ มีสไตล์การแต่งตัวที่แนวๆ แล้วมีทรงผมเด็กแนวเท่ห์ๆ หน้าม้า ผมฟูๆ บางวันก็กวนๆ เท่ห์ๆ บางวันก็หวานบ้าง เปรี้ยวบ้าง ที่สำคัญเป็นสาวโซเซียล เฟซบุ๊คอะไรอย่างนี้ แล้วที่สำคัญเป็นแบบผู้หญิงมโน๊ มโนค่ะ เป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานในบริษัทโฆษณา มีเจ้าของบริษัทเป็นรุ่นใหญ่ เป็นผู้กำกับมือดีมากคือ พี่เท่ง แล้วก็มีเพื่อนสนิทของเขาเป็นตากล้องคือ พี่โหน่ง ค่ะ แล้วก็จะมีแบบทีมงาน หรือว่าบรรดาแก๊งทำโฆษณาที่มีคาแรคเตอร์หลุดๆ หลายคนมาก มีทั้ง อาร์ตไดฯซึ่งก็คือ พี่โจ๊ก(อัครินทร์) มาเท่ห์เลย โหดมาเลย ซึ่งหล่อมากน่ามองมาก แล้วก็มีสายเสื้อผ้า คอสตูมก็มีพี่แอมแปร์ค่ะ มีแคสท์ติ้งเป็นดีเจบุ๊คโกะ แล้วก็พี่ AE เป็นพี่ปอนด์ใจดีทีวีค่ะ
แต่มีอยู่คนหนึ่งเลยค่ะในบริษัทนี้พูดเลยว่ามาแรงแซงโค้งหัวใจเมโย เป็นหนุ่มมาดเซอร์แล้วดีกรีเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเลยค่ะ เรียกได้ว่าหล่อเท่ เป็นพี่เทรนเราด้วยเรียกได้ว่าเหมือนมาดูแลเมโยตั้งแต่เริ่มฝึกงาน เรา ผ่านโปรไม่ผ่านโปรขึ้นอยู่กับพี่คนนี้ แต่ว่าเมโยนี่ก็ดันปิ๊งพี่เขาไปแล้ว ซึ่งก็คือ พี่เป้-อารักษ์ ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าเมโยจะลักกี้อินเกม หรือลักกี้อินเลิฟได้มั้ย มันขึ้นอยู่กับแมวตัวนี้ตัวเดียวล่ะค่ะแมวจอนนี่ เพราะว่าอย่างของพี่มอร์หรือพี่เป้ในเรื่องเขาก็จะได้รับมอบหมายงานชิ้นสำคัญซึ่งเป็นความฝันของเขาเลย เขาก็ได้เป็นผู้กำกับโฆษณาชิ้นหนึ่งที่มีแมวเป็นพรีเซนเตอร์สำคัญมาก แล้วตัวเมโยเองก็ต้องดูแลแมวตัวนี้ ความวุ่นวายมันก็เกิดขึ้นตรงที่ว่าแมวมันดันเป็นแมวสุดรักสุดหวงของลูกค้าคนสำคัญของโฆษณาชิ้นนี้ที่เป็นตัวแปรทุกอย่างเลย แต่มันดันหาย ก็คือไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ความยุ่งเหยิงก็เลยเกิดขึ้น จะได้รับไหมงาน จะได้ถ่ายไหม อย่างนี้ก็ต้องติดตามต่อไปค่ะ
Q.จริงมั้ยที่ว่าว่าแค่ใบเฟิร์นได้อ่านบทก็รู้สึกอยากเล่นแล้ว
ใบเฟิร์น : (หัวเราะ) ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลยอยากเล่นๆ อยากถ่าย ตลกมาก เพราะตอนอ่านบทแล้วนั่งขำ เพราะมีการอ่านบทร่วมกัน บทน่ารักจริงๆ ค่ะ นอกจากด้วยความตลก คาแรคเตอร์คือเปลี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย การแต่งตัวก็แบบมีสไตล์ ละเอียดแม้กระทั่งสีเล็บ เล่นเองรู้สึกว่า วันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้ว ยิ่งพอย้อนกลับมาเป็นตัวเอง หันไปดูเมโยแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เขาใกล้ตัวมาก เหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ แต่แค่แบบชีวิตจริงอาจไม่มีโอกาสแต่งตัวแนวเท่านี้เองค่ะ แล้วก็มีความมโนมีความช่างฝันแล้วมันเป็นแบบ มันตรงกับชีวิตจริงขอผู้หญิงที่แบบเฮ้ยชัวร์ เขาคิดชัวร์ ใช่ หรืออะไรอย่างนี้ เพ้อเจ้อไปเอง มีการหยิบศัพท์วัยรุ่น แบบตามเว็บไชต์ มาให้เป็นแบบกรุบกริบน่ารักค่ะ
Q. พาร์ทความรักของพระเอกนางเอกเรื่องนี้ที่ว่าฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมาก เป็นยังไงเล่าให้ฟังหน่อย
ใบเฟิร์น : (หัวเราะ) ก็ความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างมอร์ (เป้-อารักษ์) กับเมโย มันเป็นความสัมพันธ์ที่มันแบบน่ารัก ใส ๆ ใจเต้นตลอด เหมือนกับคนที่เราไปปิ๊งเค้าตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยงานการทำหลายๆ อย่างร่วมกัน พอเจอน้องใหม่ก็เหมือนรับน้อง ก็จะมีการอำกัน แกล้ง ซึ่งก็ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนเล่น หลังๆ เมโยเริ่มตามทันก็จะมีการเอาคืน เป็นความสัมพันธ์ที่ เอ๊ะ เธอคิดอะไรฉันคิดอะไร อะไรอย่างนี้ ดูเกิดขึ้นจริงในความไม่แน่นอน ความไม่แน่ใจ พอเรารู้สึกชอบใครสักคน แล้วก็เห็นความฝันของใครสักคน แล้วเราแบบอยากจะทำเพื่อความฝันนั้นของเขาไม่ว่าแบบจะเจ็บตัวแค่ไหน หรือเหนื่อยแค่ไหน บางทีความรักที่มันแบบเป็นแรงผลักดัน เป็นความสดใหม่อะไรอย่างนี้มันทำให้เมโยนี่ยอมทำหลายๆ อย่างเลยเพื่อเขาเลยค่ะ
Q.คงต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าเรื่องราวของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
ใบเฟิร์น : มันเป็นเรื่องของนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง ที่เข้ามาทำงานในบริษัทโฆษณาที่เต็มไปด้วยผู้กำกับมือหนึ่ง แล้วก็ทีมงานที่แต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ของตัวเอง แล้วก็ดันไปหลงรักไปชอบพี่เทรนของตัวเอง เป็นผู้ช่วยผู้กำกับด้วย แล้วก็ดันเป็นจังหวะดีที่แบบเขากำลังจะได้ทำโฆษณา เป็นผู้กำกับเอง แล้วเราก็ได้ไปช่วยเขา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันต้องมีแมว แล้วก็เราดันทำแมวหาย เป็นแมวที่สำคัญมาก สำคัญกับลูกค้า สำคัญกับบริษัท สำคัญกับงานชิ้นนี้ ผู้ชายที่เราไปแอบชอบนี่จะทำงานชิ้นนี้สำเร็จไหม แล้วความรักของเราครั้งนี้ลงเอยไหม แล้วแมวที่หายไปตัวนี้ละ มันจะเป็นยังไงต่อไป เกิดความรักความวุ่นวายในการที่จะต้องออกตามหาแมวต่อไป
Q.ที่บอกว่ามีแมว แล้วตอนอ่านบทพอถึงฉากที่ต้องเข้ากับแมวเล่นกับแมว คิดมั้ยว่าแล้วจะเป็นอย่างไร
ใบเฟิร์น : ใช่ๆ ค่ะแล้วก็ต้องอ่านกับแมว แต่ตอนแมวหนูไม่ติดนะ หนูคิดว่าเขาคงมีวิธี หรือไม่ก็แมวคงโดนฝึกมาพอมาถ่ายจริง ถึงได้รู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ค่ะ คือบทมันก็ไม่ยากนิ คิดไว้เอง คงตั้งกล้องไว้เดี๋ยวแมวก็อยู่เฉยๆ นิ่งๆ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้ แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ ค่ะ เราจะรู้ว่าเขาคุมไม่ได้ แม้แต่เจ้าของเขาก็คุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันคือการตั้งกล้องรอตลอด คือถ้าเฟิร์นกับพี่เป้เล่นนะ มีกล้องหนังสองตัวกะว่า สองตัวนะ เดี๋ยวเสร็จเร็ว สองตัวอยู่กับแมวหมด เฟิร์นกับพี่เป้เล่นเฉยๆ ลอยๆ ยิ้มยืนอยู่ในฉากผ่านๆ เป็นตัวประกอบไป ตอนนี้เอาแมวก่อน คือถ้าให้นั่งเขาก็จะเดิน ให้เดินเขาก็เดินไปไหนก็ไม่รู้คือมันคุมยากมากเลยจริงๆ มันยากกว่าที่เฟิร์นคิดไว้แบบล้านเท่าเลยค่ะ
Q.ในเรื่องนี้นอกจากแมวแล้วยังเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์ตลกชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอย่างพี่เท่งพี่โหน่ง รวมทั้งประกบกับพระเอกอย่างเป้-อารักษ์ด้วย
ใบเฟิร์น : โอ้โห้ เฟิร์นพูดได้เลยว่าเฟิร์นน่ะแอบเกร็งพี่เท่ง-พี่โหน่ง รู้สึกว่าพี่เขาเป็นรุ่นใหญ่น่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเกร็งอยู่ แต่ว่าคือพี่เขาน่ารัก คือเฟิร์นจะติดภาพว่าเขาเป็นคนตลก แต่พอเขามาอยู่ในคาแรคเตอร์นี่ เฟิร์นรู้สึกว่าพูดตลอดว่าพี่เท่งหล่อมากเลยเรื่องนี้ มาถึงปุ๊บแว่นดำกลม ใส่หมวกเท่มากเลย กลายเป็นว่าเป็นอีกคน เป็นผู้กำกับที่แบบน่ามอง เขาจะสายอำ แล้วพี่โหน่งเขามาถึงปุ๊บก็แบบติดหนวดมาเลย แล้วก็โวยวายดุหน่อย เป็นเหมือนตากล้องที่เราจะคุ้นเคยกับคนตามกองถ่าย ตามโฆษณาอะไรมาบ้าง สั่งนู้นสั่งนี่แล้วหนูก็จะแบบ โอ๊ะๆ ตกใจจริง เหมือนเด็กฝึกงานจะขนเก้าอี้ตกๆ หล่นๆ พอพี่เขาเข้าคาแรคเตอร์แล้วพลิกมากค่ะ แต่ว่าความที่ยังเป็นพี่เท่งพี่โหน่งอยู่ ก็คือเรื่องมุกตลกเรื่องอะไรที่แบบถ่ายสิบเทคไม่ซ้ำกันสักเทคเลยอย่างนี่ ต้องตามให้ทัน คนเก่งจะเป็นแบบพี่เป้ อารักษ์มากกว่า ต้องอยู่ด้วยบ่อยๆ หนูก็จะแบบโดนสั่งโดนแกล้ง โดนอำ เหมือนสไตน์เด็กฝึกงานเลยล่ะค่ะ
Q. เรื่องนี้ที่ว่าโหดหินคือการกำกับแมวอย่างไรที่จะให้เล่นตามความต้องการ แล้วเรื่องนี้ได้ผู้กำกับไอเดียล้นถึง 2 คน พี่เป้ นฤบดี เวชกรรม กับพี่เท่ง เถิดเทิง แล้วเป็นอย่างไรคนที่ริมากำกับแมว
ใบเฟิร์น: โหที่เขาบอกว่าคนอะไรคิดจะมากำกับแมวใช่ไหมคะ ซึ่งแบบยากจริงๆ แล้วก็กำกับร่วมกัน พี่เป้ พี่เท่งทั้งคู่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก มีมุมมองมีไอเดียใหม่ๆ ที่เฟิร์นคิดว่ามันเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ อะไรอย่างนี่ แล้วก็เป็นคนที่มีความอดทน ในการแบบตั้งกล้องรอแมว มันไม่เป็นภาวะตึงเครียดเลยค่ะในกอง เขามีมุมมองใหม่ผุดขึ้นมาระหว่างการถ่ายทำตลอด
Q.ได้ข่าวว่าปกติใบเฟิร์นเป็นคนไม่กลัวแมว แต่กลายเป็นว่าพอถ่ายหนังเรื่องนี้ก็มองแมวเปลี่ยนไป
ใบเฟิร์น : (หัวเราะ) ใช่แรกๆ หนูไม่กลัวแมวเลยค่ะ พี่เป้ผู้กำกับถามว่า เล่นนี่ได้ไหมกับแมว เฟิร์นไม่กลัวค่ะ แล้วไปเจอวันแรก จอนนี่ตัวอ้วนมากเลย อยากจะเข้าไป จอนนี่!! ปึ๊บ ตบหน้า ได้รับน้องหลังจากนั้น พี่เป้ อารักษ์ก็เหมือนกัน มาถึงมันต้องเป็นอย่างนี้เฟิร์น โชว์ใหญ่เลย ปั๊บ ง่ำ แมวกัดนิ้วเป็นรูตั้งแต่วันแรก หลังจากนั้นทั้งสองคนเกรงใจแมวหมดเลย ได้ครับ จอนนี่ สักพักหนึ่งมันจะเริ่มมีแบบ เริ่มรู้เขารู้เรา รู้อารมณ์เขาล่ะว่า เวลาถ่ายหนังพออยู่หน้าเซ็ทมันจะวุ่นวายมาก แล้วแมวก็จะร้อน เสียงตีสเลท เสียงไมค์บูมอย่างนี่ พอแมวเริ่ม ม๊าวว ขึ้นมาทุกคนจะแบบถอยหลัง อย่างนี่ไม่กล้าเข้าไปเพราะว่าแมวมันจะมีช่วงจังหวะที่เร็วมากที่แบบ ฟึ๊บ คือโดนหลายทีมาก แต่ด้วยความเขาที่เขาน่าจะตัดเล็บ ก็เลยไม่ได้เป็นแผล แล้วก็เวลาอุ้มนอกจากหนักมาก แล้วต้องแบบล็อคขาเขาดีๆ นะคะ ไม่งั้นเขาทั้งถีบ ทั้งดิ้น แล้วเอาเล็บออกมาก เพราะเขาตัวหนักมาก แต่ว่ามันจะมีวิธีหนึ่งที่ทำให้จอนนี่นิ่ง คือเจ้าของจะเอาที่บดอาหารบด จอนนี่ก็อยู่เฉยๆ เลยอันนั้นใช้ได้ค่ะ
Q.เป็นนางเอกน่าจะคนเดียวในประเทศ ที่ได้ร่วมงานชนิดที่เรียกได้ว่าใกล้ชิด ชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว มีเคล็ดลับหรือประสบการร์การทำงานรวมงานกับแมวเหมียวมาเล่าให้ฟัง
ใบเฟิร์น : คือเราจะไม่มีทางงรู้รายละเอียดว่าแมวแต่ละตัวเนี่ย เขากลัวอะไร หรือชอบอะไร หรือเล่นอะไร อย่างจอนนี่ที่กลัวเครื่องปั่นอาหาร แล้วก็จะนิ่ง ชีวิตอยู่สุขสบายแล้ว ก็ไม่ต้องอยากกินอาหารอะไรอีก มีอีกอันหนึ่งเขาเป็นเหมือนแบบต้นอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วเอามาล่อๆ แล้วแมวจะแบบชอบเล่นอะไรอย่างเนี่ย ทุกตัวเล่นหมด แต่จอนนี่ไม่เอา ไม่สนใจ เอาใจลำบากที่สุดแล้วค่ะ ก็วิธีที่จะให้เดินมาหน้ากล้อง ก็จะเอากระเป๋าที่แมวนอนนี่ มาไว้หน้ากล้อง แล้วเขาจะเรียก เมี๊ยวๆ จอนนี่ก็ทำท่าจะเดินลงไป แล้วก็กลับหลังไปอีกทาง เป็นอย่างนี้ทุกรอบ ก็ต้องแบบแล้วแต่จริงๆ ค่ะ ต้องมีการย้ายกล้องแล้วก็ย้ายหลายๆ อย่างบ้างทีก็ย้ายบทเลยค่ะ สมมติว่านั่งแล้วกันนะเฟิร์นอันนี้ พี่เป้ก็จะเปลี่ยนกระเป๋า หรือตามสถานการณ์เอา
Q.ได้ข่าวว่าได้รับเกียรติเป็นนักแสดงแค่สองคนในภาพยนตร์ที่ได้ร่วมงานกับแมวมากที่สุดเกือบสิบชีวิตในฉากเดียว และในทุกๆ ฉากของภาพยนตร์
ใบเฟิร์น : ในหนังก็มีแมวหลายตัวมากค่ะ มี การฟิตติ้ง แล้วต้องให้เฟิร์นมาทำแคสท์ติ้งแมว พี่เป้ อารักษ์ เขาก็จะคอยสั่งเราให้เราทำ เขาก็สั่งอย่างเดียวไม่ต้องทำ เฟิร์นให้แมวต่อยกัน ให้แมวใส่ชุดนั้น ชุดนี้ บางตัวแมวมันไม่สนุกกับหนู ก็แฮ่ๆ จะกัดอย่างเดียวเลย ซึ่งแบบน่ากลัวมาก เวลาฉากหนึ่งที่ทุกตัวต้องมานั่งรวมกันหมดอ่ะค่ะ โห บางตัวก็ไม่ถุกกับตัวนั้น ไม่เล่นกันไม่คุยกัน หนูเอาใจไม่ถูกเลย อยู่ใกล้กันก็ขู่ หนูจะลืมบทค่ะ เพราะหนูต้องคอยมาระวังแมว เขาทะเลาะกันแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยค่ะ และสองใช่เลยค่ะก็เป็นนักแสดงสองคนค่ะที่อยู่กับแมวทั้งเรื่อง ทุกที่เลยไม่ว่าจะไปที่ไหน มีแมวหลายตัวมากมีทั้ง จอนนี่ ชาลี ส้มจี๊ด ทาโร่ ก็อยู่ด้วยกันตลอด บางตัวก็ไม่อยากจะเล่นแล้วร้อน เหนื่อยอยากกลับบ้านอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ก็แบบทุกวันนี้เลยโดนอำไปเลยว่าเฟิร์นกลัวแมว อะไรอย่างนี้ค่ะ
Q.ถึงขนาดต้องมีตำแหน่งทีมงานพิเศษในกองถ่าย ขึ้นมาโดยเฉพาะคือเจ้าหน้าที่ดูแลแมว
ใบเฟิร์น : จะมีพี่แบบทีมงานคอยอยู่รอบๆ หน้าเซท เพื่อที่จะคอยดูว่า เวลา ห้า สี่ สาม สอง หรือว่าเริ่มปุ๊บแมววิ่งหายไปไหนบ้างเพราะบางทีคัทแล้วหรือปล่อยออกมาจากกรง จากลังอะไรนี่ เขาจะวิ่งหนีแล้ว เตลิดเปิดเปิงไปหายไปที่อื่นแล้วที่สำคัญแมวมันจะขี้ตกใจมาก อย่างหนูเจอฉากหนึ่งแบบแค่เสียงคัทค่ะ ทะยานขึ้นฟ้าเลยค่ะ ไต่ฉากขึ้นฟ้า ฉากขาด คนหาย หนูก็กรี๊ด วิ่งหนี เข้ากล้อง คือทุกอย่างวุ่นวายมาก มันคือความวุ่นวายในช่วงเขาชอบพุ่งทุกอย่างแบบเร็วๆ
Q.ถึงขนาดที่ว่าแค่วันแรกของแมวที่ต้องเข้าฉากปรากฎว่า “แมวหาย” สมกับชื่อเรื่องชนิดที่ว่าเจ้าของใจแป้วกันเลย
ใบเฟิร์น : ตามเนื้อเรื่องเลยแมวหาย หายจริง ด้วยความที่ไปถ่ายในสตู มีห้องหับอะไรเต็มไปหมด ก็ลำบากตามหาแมวกันไป แล้วแมวก็จะอยู่ทุกที่ที่เราไปถ่ายเลย ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเป็นตามชื่อเรื่อง บางทีก็จะมีแมวมาแอบดูเราถ่ายหนังตามช่องหน้าต่าง มีแมวเดินผ่านไปหันมามองอะไรอย่างนี้คือแบบรู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมช่วงนี้ชีวิตเจอแต่แมว แมวเต็มไปหมด
Q.มีโอกาสได้ร่วมงานกับแมวสุดฮอตในโลกโซเชี่ยลอย่าง “จอนนี่” คิดว่าเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ทำให้จอนนี่แตกต่างจากแมวทั่วไปอย่างไร
ใบเฟิร์น : ต่างทุกตรงค่ะ ตั้งแต่ขนาดเลยเอามาตั้งเลย โอ้โห ไม่ต้องพูดเลยหนักมาก จอนนี่เขาจะเป็นแมวที่เป็นแมวตัวเดียวที่หนูรู้สึกว่าหนูเกรงใจมาก เขาจะแบบหน้านิ่งๆ ตัวนิ่งๆ แล้วก็เวลาหนูจับก็จะมองอย่างเดียว จับทำไม มีอะไร เอาอะไรมาล่อเขาก็ไม่สนใจแล้วเลย เป็นแมวที่นั่งอย่างนี้ได้นานมากค่ะ หนูไม่รู้ว่าติดเสื้อลุกไม่ได้หรือว่าอะไร แต่เขาอยู่อย่างนี่ไม่ขยับเลย มีแต่เจ้าของเขาที่แบบควบคุมอยู่
Q.เล่าให้ฟังถึงการทำงานที่ต้องเข้าฉากร่วมกันพี่สี่ขาเหมียวๆ หน่อย
ใบเฟิร์น : ฉากที่ฟิตติ้งจอนนี่ คือจะต้องเปลี่ยนชุดให้พี่จอนนี่ ลำพังแค่อุ้มก็เกรงใจพี่จอนนี่จะแย่อยู่แล้วค่ะ ต้องจับพี่จอนนี่เขาฉีกแข้งฉีกขาใส่ชุด สวมเสื้อผ้าใส่แล้วต้องเปลี่ยนเข้าเปลี่ยนออกอีก แล้วที่สำคัญต้องเอาลงอ่างน้ำค่ะ คือเขาก็ไม่ใช่ว่าจะชอบอาบน้ำ ตอนนั้นคนก็เยอะ อาจจะมีการอายนิดนึง ตะปบใหญ่เลย อย่ามายุ่งๆ พี่เป้ก็จะค่อยๆ นะคะ คือในเรื่องเขาจะเป็นแมวของลูกค้าที่ทุกคนต้องเกรงใจค่ะ ทุกคนเกรงใจจริงๆ มาก เป็นแมวเซเลปค่ะ แล้วก็มีอีกฉากหนึ่งที่ใบเฟิร์นกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะเลยค่ะ คือวันนั้นแป็นฉากที่พี่เท่งเข้ามาอวดเลย มาเกทับเลยว่า เฮ้ยนี่ พี่มอร์นี่เขากำกับหนังได้หรือยัง แมวไปถึงไหนแล้วอะไรอย่างนี้ ด้วยความที่แมว สามตัว เราต้องมาอยู่ในฉาก เราต้องมาลองเสื้อผ้ากัน ก็เกิดอารมณ์ไม่ดีกันขึ้นมาอีก จะสู้กันหรืออะไรสักอย่าง ตรงนี้ที่เขาอยู่ก่อน ที่อีกตัวหนึ่งอยู่นี่ ถ้าใครถอยมาหน่อยหรืออะไร เอาล่ะ ทะเลาะกันล่ะ แล้ววันนั้นเหมือนเขาขู่กันรุนแรง แล้วแบบแยกไม่ได้ แม้แต่เจ้าของยังไม่กล้าเขามาแยกเลยแบบ เฟิร์นก็เลยได้จ๊ะขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้จะทะเลาะกันกระจายวงกว้างแค่ไหน หนูก็เลยขึ้นมาแอบก่อนดีกว่า เสียวน่องมากเลยค่ะตอนนั้น อีกฉากเป็นฉากที่เฟิร์นต้องเปลี่ยนแมวหลายๆตัวเข้ามานั่งในฉาก แล้วดูว่าเขาทำอะไรได้บ้าง หาแมวมาเล่นหนังโฆษณาในเรื่อง แต่คือพี่เป้ นั่งสัมภาษณ์แมวเฉยๆแมวแต่ละพันธุ์ๆเป็นเกือบสิบพันธุ์ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ มีแมวพันธุ์หนึ่งที่แบบหน้าตาหน้ากลัวมาก ที่เป็นหนังกลับค่ะ คือหน้าเขาดุอยู่แล้ว ลำพังจอนนี่มาหนูก็เริ่มหลอนแมว กลัวเขาจะตะปบ แล้วเขาดุจริงๆ ค่ะ แมวสฟิงซ์ค่ะ หนูก็ถามพี่เขาแล้วว่าดุไหม ไม่ดุหรอกครับ แมวดุเอามาเขาฉากไม่ได้ พอหนูจับตั้งเท่านั้นแหละ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ แล้วพี่เป้ก็ชอบสั่งแบบว่าเฟิร์นจับยกซิ แบบเมโยยกซิ ให้มันต่อยซิให้มันชักดาบออกมาฟัน เล่นยังไงค่ะ ลำพังกลัวก็กลัว ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทั้งหน้า เหมือนแบบมันต้องมีสติพร้อมกระโดดออกให้ทันแมวค่ะ แต่มันก็สนุกนะ
Q.มีชอบแมวตัวไหนเป็นพิเศษไหม
ใบเฟิร์น : เฟิร์นชอบตัวสีขาวเขาจะแบบเรียบร้อย แต่ก็เรียบร้อบแบบน่าเกรงใจ คล้ายๆ จอนนี่เหมือนกัน ก็จะแบบ อย่ามาจับฉันนะ ก็น่ารักดี ก็จะมีตัวสีส้มๆ ค่ะ จะเชื่องๆ หน่อยแบบอุ้มได้เล่นได้
Q.ผ่านการร่วมงานกับแมวมาแล้วอย่างเต็มตัว มีเคล็ดลับหรือเทคนิคอะไรเป็นพิเศษมั้ยในการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้
ใบเฟิร์น : ก็คือเรื่องนี้นักแสดงต้องอาศัย ต้องมีสมาธิมากนะ ถ้าแมวหลุดออกไปต้องดึงกลับมาที่มาร์ค เราต้องพยายามอุ้มเข้ามาที่มาร์ค แล้วก็มีแบบที่ยากกว่านั้นคือปล่อยแมวหล่นลงไปแล้วแมวต้องวิ่งไปทางนั้น แต่แมววิ่งไปทางนี้ ทุกคนก็ต้องนัดกันว่าห้ามมองทางนี้ต้องมองทางนั้นให้พร้อมกันทุกคน
Q.นอกจากเรื่องของแมวแล้วว่ากันว่าที่จะโดนใจผู้ชมมากๆ เลยก็คือมุมมองความรักในหนังเรื่องนี้ของเป้กับเฟิร์นด้วย
ใบเฟิร์น: ใช่ค่ะ ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะได้เห็น ครบทุกรสเลย มีทั้งอารมณ์แบบ รัก เศร้า สนุกสนาน เรื่องนี้ก็จะมีความเก๋ตรงที่บางอย่างบางอารมณ์ไม่ต้องพูดก็รู้สึก มันเป็นความรักที่แบบผิดจังหวะ ผิดเวลา ความไม่แน่ใจ ความไม่แน่นอน ที่แบบมันมีผลกับจิตใจเรามาก เฟิร์นคิดว่ามันตรงและใกล้ตัวกับแทบจะทุกคนเลยค่ะ อย่างมีฉากหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นซีนอารมณ์เลยของพระเอกหนู พี่เป้ คือซีนอารมณ์มากถึงขนาดทุบตีกีต้าร์ อยากให้จับตาดู
Q.ร่วมงานกับพระเอกสุดแนวเป้อารักษ์เป็นอย่างไรบ้าง
ใบเฟิร์น : ก็ตัวจริงพี่เป้เป็นคนสนุก ตลก ก่อนหน้าก็เคยดูการแสดงของพี่เป้มาอยู่แล้วค่ะ พอมาทำงานด้วยกันรู้เลยค่ะว่าพี่เป้เป็นคนที่มีความตั้งใจในการทำงานสูงมาก อย่างมีอยู่ฉากหนึ่ง ที่ไม่ใช่แค่ทีมงาน หรือพี่ผู้กำกับที่ตั้งใจทำให้มันดี นักแสดงหลายๆ คนก็อยากจะปั้นให้มันดี ทั้งเฟิร์นทั้งพี่เป้ เป็นฉากที่แบบแม้จะไม่ได้มองหน้ากันแต่ความรู้สึกบางอย่างต้องส่งถึงกันก็สำคัญมาก ช่วยกันถ่ายกัน 8 เทค ขอถ่ายเพิ่มวันหลังอีก วันแรกที่ถ่ายนี่นั่น สักพักไม่ไหว เลือดกำเดาพุ่ง ไม่ได้ถ่ายล่ะ ไปนอนอยู่กับพื้นเลยค่ะ ก็แซวกันว่า โห หนูเซ็กซี่ขนาดนั้นเลยเหรอ เลือดกำเดาไหล เปล่าหรอก มันร้อนมาก มันเครียดแบบรับหลายอย่าง เลือดกำเดาหยด คือเขาตั้งใจมาก
Q.ท้ายนี้อยากฝากอะไร แล้วสำหรับหนัง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” เรื่องนี้พิเศษอย่างไรทำไมต้องดู
ใบเฟิร์น : หนูก็ชื่นชมบทนะคะ บางอย่างก็คิดได้ยังไง เช่น บางอย่างมันก็ทำยากมาก เช่น แมวคาบหนูมากินบนอกพี่เท่ง หรือ ไม่ก็ผายปอดแมว พี่เท่งผายปอดแมวใหญ่เลยค่ะ บอกได้เลยค่ะว่าสำหรับคนที่ชอบแมว ให้แมวเป็นซามูไร ฟาดฟันกันทำได้ไง ฉากเปิดตัวเล็กๆ เรื่องนี้ไม่เคยทำให้เล็ก เล่นเปิดตัวลูกค้าลงเฮลิคอปเตอร์กันมาเลยค่ะ ผึ่บๆ ผับ ๆ ทุกคนถามว่าเฟิร์นกลัวฮ.ไหม เฟิร์นไม่เคยเข้าใจว่าทำไมต้องกลัว ฮ. มาจริงวิ่งคนแรกเลยค่ะ ในฉากเมโยต้องเขามาหยิบแมว เฟิร์นหยิบเร็วมาก ตั้งแต่ฮ,ยังไม่ถึงเลยค่ะ แค่เสียงก็กลัว จำได้เลยว่าซีนแรกของเรื่อง ก็รับน้องใบเฟิร์นเลยค่ะ ด้วยการให้แต่งตัวสวยมาก กระโปรงสั้นเท่านี่ ส้นสูงด้วย พาไปอยู่คันนาแบบแดดร้อนมาก ขี้โคลน ขี้เลนเต็ม ให้เฟิร์นแบกถุงปุ๋ยค่ะอยู่กลางนาแล้วก็ให้เซิ้งด้วย แบบพี่โหน่ง พี่เป้ ก็ใส่ยับเลยค่ะ สั่งทำนู่น ทำนี่กลางนา คิดดูว่าถ่ายกันจนรองเท้าหักเลยค่ะ ก็อยากให้ไปชมกันนะค่ะสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” 4 มี.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์ค่ะ