กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--บลจ.บัวหลวง
กองทุนบัวหลวง เชื่อการลงทุนในญี่ปุ่นสดใส จากนโยบายการปฎิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของรัฐบาลนายกอาเบะที่พลิกโฉมญี่ปุ่นในรอบสองทศวรรษ และจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้กลับมาดึงดูดนักลงทุนอีกครั้ง พร้อมแนะนำลงทุนระยะยาวกับธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างใหม่กับกองทุน B-NIPPON
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการและหัวหน้ากลุ่มจัดการลงทุน บลจ.บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2557 รัฐบาลนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังคงสานต่อนโยบายเพื่อรักษาศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวผ่านการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural reform) มีการดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้จากนี้ไปข้างหน้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกต่างๆ เป็นแรงส่ง ได้แก่
ความแข็งแกร่งของรัฐบาลอาเบะ หลังการเลือกตั้งที่นั่งในสภาของพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มขึ้นเกินกว่าสองในสาม เป็นผลดีต่อการลงมติในวาระต่างๆ ที่เข้าสู่สภาต่อเนื่องไปอีกสี่ปี ทำให้การผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจกระทำได้ง่ายขึ้น
นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ญี่ปุ่นได้ใช้ธนูดอกแรกที่เรียกว่า นโยบายการเงินอีกครั้ง ในเดือนตุลาคม 2557 ปริมาณเงินเยนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยส่งผลให้ค่าเงินเยนมีทิศทางอ่อนค่า ช่วยสนันบสนุนการส่งออก และด้วยค่าเงินที่ถูกทำให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
การเพิ่มขนาดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจพิเศษ ในวันที่ 27 ธันวาคม 2557 รัฐบาลเห็นชอบเพิ่มเติมวงเงินอีกจำนวน 3.5 ล้านล้านเยน คาดว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายและการฟื้นตัวให้กับเศรษฐกิจได้ถึง 0.70%
การปรับโครงสร้างภาษีธุรกิจ โดยรัฐบาลเตรียมปรับลดภาษี National tax และ local tax rate ในปี 2559 และ 2560 ทำให้อัตราภาษีแท้จริงจะลดลงเท่ากับ 3.29% ในช่วง 2 ปีจากนี้ไป ซึ่งจะสนับสนุนให้บริษัทญี่ปุ่นมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เป้าหมายเพื่อเพิ่ม “ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE)”
การเพิ่มสัดส่วนหุ้นของกองทุนบำนาญ GPIF (Government Pension Investment Fund) ซึ่งมีทรัพย์สินสูงถึง 130 ล้านล้านเยน โดยลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศและหันมาเพิ่มการลงทุนตราสารทุนในประเทศ ด้วยการกำหนดเป้าหมายที่ 25% ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นของ GPIF อยู่ที่ 18% ณ กันยายน 2557
บัญชีเงินลงทุนที่ได้รับยกเว้นภาษี รัฐบาลเตรียมปรับเพิ่มวงเงินบัญชีการออม/ลงทุนที่ได้รับยกเว้นภาษี หรือที่เรียกว่า NISA (Nippon Individual Saving Account) จากเดิม 1 ล้านเยน เป็น 1.2 ล้านเยนต่อคนต่อปี รวมถึงขยายสิทธิดังกล่าวให้คลอบคลุมถึงผู้เยาว์หรือที่เรียกว่า Junior NISA ด้วยวงเงินออม/ลงทุนอีก 8 แสนเยนต่อคนต่อปีเป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อดึงดูดให้คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุน้อยหันมาสนใจลงทุนในหุ้นและหน่วยลงทุนเพิ่มเติม
การส่งออกคาดว่าขยายตัวในปี 2558 สำหรับสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า ไปยังประเทศจีนและเอเชีย ประกอบกับเงินเยนอ่อนค่า น่าจะช่วยลดภาระการขาดดุลบัญชีการค้าให้ลดลง ทำให้ฐานะการเงินดีขึ้น
ด้วยหลายปัจจัยที่กล่าวมา กองทุนบัวหลวงเชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถจะเติบโตจากความต่อเนื่องของอาเบะโนมิกส์ ที่เข้ามาช่วยเพิ่มระดับการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของบริษัท ซึ่งจะเป็นกลไกที่สำคัญของการฟื้นตัวเศรษฐกิจญี่ปุ่นในระยะยาว เหตุนี้จึงเป็นโอกาสทองของการลงทุนใน “กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น (B-NIPPON)” ที่มีนโยบายลงทุนโดยตรงในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่ชื่อว่า Nomura Japan Strategic Value Fund Class A (JSV Fund) ซึ่งบริหารจัดการโดย Nomura Asset Management ซึ่ง JSV Fund เน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยกองทุนอาจลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นอกตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด
“ที่ผ่านมา JSV Fund ถือได้ว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ มีแนวทางการคัดเลือกหลักทรัพย์แบบ Bottom Up ที่เน้นคัดสรรบริษัทที่มีมูลค่ากิจการแข็งแกร่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 JSV Fund ได้รับการจัดอันดับจากมอนิ่งสตาร์เป็นระดับกองทุนห้าดาว และ B-NIPPON มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 สำหรับส่วนที่เหลืออาจมีไว้เพื่อสร้างผลตอบแทนในจังหวะเวลาที่ทีมจัดการกองทุนเห็นสมควร” นายพีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติม
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 02-674-6488 กด 8 หรือ www.bblam.co.th รวมทั้งสอบถามได้จากสาขาธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ ตัวแทนขายหน่วยลงทุนของกรุงเทพประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง และบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน