กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--โอกิลวี่ พับลิค รีเรชั่นส์ เวิลด์วายด์
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนและมีกำไรสุทธิที่ 472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 116% จากปีก่อน เตรียมพิจารณาจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในช่วงเดือนเมษายนนี้ พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เสริมศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานของอาเซียน
ปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการมีการเติบโตสูงในปี 2557 โดยในส่วนของกำไรสุทธิมีการเติบโตมากกว่า 116% นั้น เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้า บางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) เต็มปี เทียบกับปี 2556 ที่รับรู้รายได้เพียงครึ่งปี และโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี การเดินเครื่องมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารการเงินได้ดี ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าหลักอย่าง โรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 (NN2) ที่ สปป.ลาว จะผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าแผนเล็กน้อยเนื่องจากฤดูฝนที่มาช้า แต่ด้วยเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ NN2 ที่สามารถรับรู้รายได้จากบัญชีสำรองที่เคยผลิตไว้ได้เกินเป้าหมายจากปีก่อนหน้าได้ ทำให้รายได้ของ NN2 ในปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นอกจากนั้นบริษัทเริ่มรับรู้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากธุรกิจที่เข้าลงทุน บริษัทจึงจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 เมษายน 2558 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2557 ให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทด้วย
สำหรับการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทยังคงมุ่งสร้างผลประกอบการที่ดีต่อไป โดยจะปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าและเดินหน้าลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ในส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา นั่นคือ โรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (BIC 2) ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 และจะสร้างรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ในสปป.ลาว ซึ่งการก่อสร้าง ณ สิ้นปี 2557 แล้วเสร็จไปกว่า 40% โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าซื้อหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าดังกล่าวจาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โดยพิจารณาแล้วว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะขั้นตอนการก่อสร้างในเฟส 1 เสร็จสมบูรณ์แล้ว และการก่อสร้างเฟส 2 มีความเสี่ยงทางวิศวกรรมในระดับที่บริหารจัดการได้ การเข้าซื้อหุ้นโครงการไซยะบุรีในเวลานี้จะทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม มีผลตอบแทนในระดับที่ดีตามนโยบายการลงทุนของบริษัท นอกจากนั้น ยังส่งผลให้กำลังการผลิต CKP เพิ่มจาก 755 เมกะวัตต์ เป็น 2,160 เมกะวัตต์ ซึ่งนับเป็นการเติบโตเกือบ 3 เท่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้ CKP และตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานในประเทศและอาเซียน