กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--ไอแอมพีอาร์
ราวเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมของทุกปีจะเป็นช่วงที่ “ดอยแม่อูคอ” คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชื่นชมความงามของ “ทุ่งดอกบัวตอง” ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ 1 ปีมีจะให้เห็นได้ครั้งเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึง 1 เดือน นักท่องเที่ยวอาจมองว่าเวลานี้คือโอกาสของการได้ออกไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงาม แต่สำหรับคณะครูของ “โรงเรียนบ้านปางตอง อำเภอขุนยวม” กลับมองเห็นว่าช่วงเวลานี้คือ “โอกาสทอง” ในชีวิตของลูกศิษย์ตัวเล็กๆ ที่จะได้ใช้เป็นเวทีในการ “ฝึกทักษะวิชาชีพ” เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตด้านต่างๆ
“โครงการฝึกทักษะวิชาชีพบ้านกาแฟ” ที่ดำเนินงานภายใต้โครงการ “ส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ” จึงเกิดขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย เกิดทักษะในการทำงานด้านต่างๆ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในอนาคต
นางสาวนันทรัตน์ รัตนจำเริญ ครูผู้รับผิดชอบโครงการ เล่าว่าโครงการฯบ้านกาแฟ เป็นกิจกรรมที่บูรณาการควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระวิชาต่างๆ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในการส่งเสริมประสบการณ์ให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ในด้านทักษะชีวิตและทักษะอาชีพในด้านต่างๆ ผ่านกิจกรรมชุมนุมทั้ง 8 กลุ่มได้แก่ ชุมนุมไข่ไอโอดีน, ชุมนุมพวงกุญแจจากใบไม้และที่หนีบกระดาษเปเปอร์มาเช่, ชุมนุมมัคคุเทศก์น้อย, ชุมนุมนวดฝ่าเท้า, ชุมนุมแม่บ้าน, ชุมนุมเครื่องดื่ม, ชุมนุมพ่อบ้าน และชุมนุมที่พัก ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้ในทุกๆ เรื่องที่จำเป็นในการใช้ชีวิต ตั้งแต่การประกอบอาหาร เครื่องดื่ม การขาย การพูดจา การติดต่อสื่อสาร ทักษะเชิงช่างไฟฟ้า-ประปา การดูแลสวนดอกไม้ ทำความสะอาด นวดฝ่าเท้า การฝึการทำบัญชีรายรับรายจ่างต้นทุน กำไร ฯลฯ โดยเด็กนักเรียนจะมีรายได้เป็นเบี้ยเลี้ยงและส่วนแบ่งจากกำไรจากการขาย
“ในเทอมแรกเด็กๆ จะได้เรียนรู้ทดลองทำและฝึกปฏิบัติกันทุกวันศุกร์ ก่อนที่พวกเขาจะสั่งสมประสบการณ์และความรู้ที่มีไปปฏิบัติจริงในการให้บริการกับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลที่ดอกบัวตองบานในช่วงเทอมที่ 2 ซึ่งเราจะเปิดบ้านกาแฟให้เป็นศูนย์กลางของทุกกิจกรรม เพื่อให้เด็กได้แสดงฝีมือของพวกเขาอย่างเต็มที่ โดยความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ก็คือ มีความรับผิดชอบ สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหน้างานได้ด้วยตนเอง เกิดการจัดการความรู้และถ่ายถอดประสบการณ์การทำงานให้กับเพื่อนที่มารับช่วงดูแลในเวรถัดไป โดยที่ครูไม่ได้ไปช่วย ตรงนี้คือการเรียนรู้ที่สำคัญที่เราไม่สามารถจะไปสอนเขาได้ในอนาคต เขาจะต้องเรียนรู้การที่จะแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง และปัญหาเล็กๆ ที่เขาแก้ได้ในตอนนี้จะเป็นพื้นฐานที่ทำให้เขากล้าที่จะแก้ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในชีวิตจริงในอนาคต” ครูนันทรัตน์ระบุ
น.ส.จิราวรรณ กุลพินิจ หรือ “น้องอ๊อด” นักเรียนชั้น ม.3 ผู้จัดการบ้านกาแฟ ที่ดูแลทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟของโรงเรียนเล่าให้ฟังว่าในช่วงเปิดร้านทุกวันจะตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาเปิดร้านจัดสถานที่ เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ให้พร้อมที่จะเปิดให้บริการทุกอย่างตอน 6 โมงเช้า
“ในบ้านกาแฟแต่ละวันจะมีเพื่อนและน้องๆ สลับผลัดเปลี่ยนมาประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ประกอบไปด้วยซุ้มเครื่องดื่ม 4 คน ขายอาหาร 4 คน นวดฝ่าเท้า 4 คน มัคคุเทศก์ 4 คน ขายคูปอง 2 คน ขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ 2 คน เตรียมห้องพักและสถานที่พัก 4 คน พ่อบ้าน ล้างจาน ดูแลห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้อีก 4 คน ต่างคนก็ทำงานของตัวเองที่รับผิดชอบ ช่วง 1 เดือนเทศกาลดอกบัวตองได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ได้ทำงานทุกอย่าง ทำเป็นทุกอย่าง ได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคตข้างหน้า” น้องอ๊อดกล่าว
ด.ญ.จันทร์จิรา การมงคลธรรม หรือ “น้องมุกรี่” นักเรียนชั้น ม.2 ประธานชุมนุมเครื่องดื่มเล่าว่า จุดเด่นของร้านแห่งนี้ก็คือ เมนูกาแฟรสเด็ดที่ใครๆ ก็ต้องชิมนั่นก็คือ “กาแฟสดปางตอง” โดยเป็นกาแฟร้อนที่ใส่น้ำผึ้งดอกบัวตองทำให้มีกลิ่นหอมหวาน ที่สำคัญร้านกาแฟยังมีวิวที่สวยงามมาก
“เรามีเมนูเครื่องดื่มมากกว่า 10 รายการ ทั้งร้อนและเย็นให้บริการ มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยนักท่องเที่ยวส่วนมากจะชอบสั่งกาแฟคาปูชิโน และชาเขียว นอกจากนี้ภายในร้านยังมีจุดชิมชาให้บริการฟรี มีอาหารทานง่ายๆ เช่นกะเพราหมู กะเพราไก่ ขนมปังปิ้ง” น้องมุกรี่อธิบาย
ด้านรองประธานชุมชนเครื่องดื่ม ด.ญ.กัญญา รุ่งแสงส่องอำไพ หรือ “น้องกี้” และ ด.ญ.วราพร คณะเดชสกุล หรือ “น้องวา” นักเรียนชั้น ม.2 ช่วยกันเล่าว่าการได้มาทำงานที่บ้านกาแฟทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้สูตรและวิธีการทำเครื่องดื่มชนิดต่างๆ จนคิดอยากที่จะเปิดร้านกาแฟเป็นของตนเอง เพราะว่าเป็นอาชีพที่ทำง่าย มีรายได้ดี รู้สึกสนุก มีและความสุขที่ได้พูดคุยกับแขกที่มาใช้บริการ
“นอกจากจะสนุกและได้ความรู้ในการทำเครื่องดื่มชนิดต่างๆ แล้ว บ้านกาแฟยังทำให้เกิดความสามัคคีขึ้นในกลุ่มเพื่อนที่มาทำงานร่วมกัน และเกิดความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง” น้องวากล่าว
โดยในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปีที่ผ่านมา แทบไม่น่าเชื่อว่าร้านกาแฟเล็กๆ ของเด็กๆ จากโรงเรียนบ้านปางตองจะสามารถทำรายได้มากถึง 2 แสนบาท ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งยังไม่นับรวมรายได้จากกิจกรรมอื่นทั้งการนวด ที่พัก จำหน่ายของที่ระลึกฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจที่สำคัญให้กับคณะครูและนักเรียนทุกคน ในการมุ่งมั่นฝึกฝนและพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถของพวกเขาเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานที่ผ่านมาให้ดียิ่งขึ้น
“ไม่ใช่ว่าหมดเทศกาลแล้วโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ จะหยุด เรามีแผนที่จะทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเอาสิ่งที่เกิดขึ้นมาสรุปหาจุดเด่นจุดด้อย หาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ดูว่าแต่ละชุมนุมต้องเสริมเพิ่มเติมอะไรบ้าง โดยที่นักเรียนก็จะได้เรียนรู้และเพิ่มเติมทักษะใหม่ๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามชั้นปีตั้งแต่ ป.1 ไปจนถึง ม.3 และก็มองหาพื้นที่หรืองานเทศกาลอื่นๆ ให้เด็กได้ออกไปเปิดร้านเพื่อฝึกฝนฝีมือ โดยหวังว่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการทำงานจะเป็นพื้นฐานหรือทักษะในการประกอบอาชีพของเขาได้ในอนาคต สิ่งสำคัญก็คืออยากที่จะเห็นพวกเขาออกไปเป็นคนดีของสังคม อยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัย” นายวิโรจน์ คำพลอย ผอ.โรงเรียนบ้านปางตองสรุป.