กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท บางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL) ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่ของบริษัทคือ Mitsubishi UFJ Lease and Finance Co., Ltd. (MUL) ในประเทศญี่ปุ่น โดย MUL ได้รับอันดับเครดิตในระดับ “A” จาก Standard & Poor’s และ “A3” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกันซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้
ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่นระบุว่า ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการเข้าครอบงำกิจการของ MUL บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ MUL จะต้องรับข้อผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย ในกรณีที่ MUL ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน
ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ อนึ่ง ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนได้โดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้
อันดับเครดิตของ MUL ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ เป็นผลมาจากการมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่น โดย MUL มีจุดแข็ง 3 ประการ ได้แก่ 1) การเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของทั้ง Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. (MUFG) และ Mitsubishi Corporation (MC) ซึ่งจะทำให้ MUL มีโอกาสสูงที่จะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจาก MUFG หากจำเป็น 2) การมีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ เนื่องจาก MUL เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมลีสซิ่งของประเทศญี่ปุ่นและได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในเครือของ MUFG และ MC ซึ่งช่วยให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และ 3) การมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวอันเนื่องมาจากการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส สะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ MUL ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ MUFG โดย MUL ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Standard & Poor’s และ “A3” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s
อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตสำหรับหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ BMUL อาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระดับสากล (ระบบ International Scale) ของ MUL ทั้งนี้ ตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระบบ International Scale 1 ระดับไม่มีผลที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระดับประเทศหรือในระบบ National Scale เท่ากับ 1 ระดับเสมอไป
MUL ก่อตั้งในปี 2514 ในชื่อ Diamond Lease Co., Ltd. หลังจากควบรวมกิจการกับ UFJ Central Leasing Co., Ltd. ในเดือนเมษายน 2550 แล้วจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อในปัจจุบัน MUL เป็นหนึ่งในบริษัทลีสซิ่งขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น MUFG รวมถึงกลุ่มบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจธนาคาร อย่าง Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ Ltd. (BTMU) และ Mitsubishi UFJ Trust and Banking Corp. ถือหุ้นรวมอยู่ในสัดส่วน 23.4% ใน MUL ในขณะที่ MC ถือ 20%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 MUL มีสินทรัพย์รวม 4.8 ล้านล้านเยน และมีสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงาน 4.3 ล้านล้านเยน MUL มีสำนักงานสาขาอยู่ทั่วโลก โดยบริษัทย่อยในต่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชียและประเทศสหรัฐอเมริกา MUL มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากการแนะนำธุรกิจของบริษัทในเครือ เช่น MUFG และ MC ทั้งนี้ MUL มีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวโดยมาจากธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจ ลีสซิ่ง ธุรกิจผ่อนชำระของลูกค้าองค์กร และบริการทางการเงิน รวมถึงบริการสินเชื่อสำหรับกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-related Service) ธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อขายเครื่องจักรมือสอง และบริการสินเชื่ออื่นๆ เมื่อเร็วๆ นี้ MUL ได้ซื้อกิจการของบริษัทสินเชื่อลีสซิ่งเครื่องบิน 1 แห่งและบริษัทสินเชื่อลีสซิ่งตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งใช้ในกิจการขนส่งสินค้าทางเรืออีก 1 แห่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 สินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในต่างประเทศของ MUL มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 872 พันล้านเยน คิดเป็นสัดส่วน 22% ของสินทรัพย์ดำเนินงานทั้งหมดของ MUL โดยเพิ่มขึ้นจาก 21% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 และ 17% ณ สิ้นดือนมีนาคม 2556 MUL ได้ประกาศแผนธุรกิจสำหรับระยะ 3 ปีข้างหน้าโดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มผลกำไรด้วยการพัฒนาธุรกิจของตนเองและ เร่งขยายธุรกิจไปในต่างประเทศทั้งจากการซื้อกิจการและ
การเติบโตจากธุรกิจปกติ รวมทั้งจะพยายามขยายฐานลูกค้าไปพร้อม ๆ กับการปรับโครงสร้างการดำเนินงานทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ
ในรอบปีบัญชี 2552 (เมษายน 2551-มีนาคม 2552) ผลประกอบการของ MUL ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจโลก แต่บริษัทยังคงมีกำไรอยู่ โดยมีกำไรสุทธิ 7.1 พันล้านเยน ลดลงจาก 30.2 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2551 ในอดีตแม้จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ MUL ก็ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ โดยไม่เคยมีปีใดที่ขาดทุน ผลประกอบการของ MUL ในรอบปีบัญชี 2557 มีกำไรสุทธิ 37.7 พันล้านเยน สำหรับ 9 เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2558 (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2557) MUL มีกำไรสุทธิ 33.4 พันล้านเยน หรือเพิ่มขึ้น 16.1% จากช่วงเดียวกันของรอบปีบัญชีก่อน แม้ว่าธุรกิจ ลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว แต่รายได้จากธุรกิจลีสซิ่งจากการซื้อกิจการในประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังคงสนับสนุนให้ MUL มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง
MUL มีการใช้แหล่งเงินกู้ระยะสั้นอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งไม่สอดคล้องกับระยะเวลาของสินทรัพย์และทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวบรรเทาลงจากการใช้วิธีบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่รอบคอบและการได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ BTMU
ตามแผนธุรกิจในปัจจุบัน MUL ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านบริษัทลูกของตนคือบริษัทบางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยบริษัทก่อตั้งในปี 2534 จากความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือ MUL ซึ่งถือหุ้น 44% ในขณะที่ธนาคารกรุงเทพและบริษัทที่เกี่ยวข้องถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 34%
บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส ให้บริการใน 2 ธุรกิจหลัก คือ สินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการให้เช่าดำเนินงานรถยนต์พร้อมบริการซ่อมบำรุง โดยในปี 2555 บริษัทมีขนาดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มขึ้นถึง 87% จาก 5,322 ล้านบาท เป็น 9,960 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มขึ้น 30% เป็น 12,940 ล้านบาทในปี 2556 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีสินเชื่อคงค้าง 13,421 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียง 3.7% จากสิ้นปีก่อน สินทรัพย์ดำเนินงานรวมของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ประกอบด้วยเครื่องมือเครื่องจักร 84% ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ MUL ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและด้านการเงินแก่บริษัท โดยการให้ความรู้ในด้านธุรกิจทั้งแนวปฏิบัติในการดำเนินงานและการบริหารความเสี่ยง รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การให้การค้ำประกันหนี้ของบริษัทรวมถึงหุ้นกู้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการให้การสนับสนุนด้านการเงินที่บริษัทได้รับในฐานะเป็นบริษัทลูกของ MUL ด้วย การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการให้ความสำคัญแก่กลุ่มธุรกิจต่างประเทศของ MUL โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย
บริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BMUL163A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable