กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี หรือ AIT ผู้นำธุรกิจให้บริการวางเครือข่าย และบริการ ICT รับนโยบายภาครัฐชูเศรษฐกิจดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จับมือ NetApp, VMware และ F5 Networks เป็นพันธมิตรทางธุรกิจเดินเกมรุกเทคโนโลยี Cloud & Virtualization นำเสนอโซลูชั่น และบริการที่ครบวงจรและพร้อมเป็นผู้นำตลาด คาดภายใน 1 ปีช่วยผลักดันรายได้เพิ่มขึ้น 10−15%
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและ รับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า จากนโยบายภาครัฐที่ชู เศรษฐกิจดิจิทัลในการขับเคลื่อนประเทศส่งผลให้มีการลงทุนและพัฒนา ICT มากขึ้น เพื่อรองรับ ความต้องการใช้ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและหลายรูปแบบ ตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการสื่อสารมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นทำตลาดเทคโนโลยีระบบ Cloud & Virtualization หรือเทคโนโลยีสำหรับการจำลองสภาพแวดล้อมให้เสมือนมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ทำงานอยู่ในคอมพิวเตอร์เครื่องหลัก ช่วยให้สามารถจัดการระบบปฏิบัติการที่หลากหลายให้สามารถทำงานได้บนฮาร์ดแวร์ชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นมาก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้เซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 3 บริษัทชั้นนำของโลก ได้แก่
NetApp Inc. เป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริหารและจัดเก็บข้อมูลระดับโลกและมีอัตราการเติบโตสูงสุดในประเทศไทย เทคโนโลยีของ NetApp ได้รับการยอมรับและพิสูจน์มาแล้วจากองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศว่าช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นสูง ตอบโจทย์การใช้งานของ Cloud และ Virtualization
VMware, Inc. ผู้นำอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการ Cloud และ Virtualization ที่ช่วยกำจัดความยุ่งยากและซับซ้อนของการทำงานของระบบ IT ให้ง่าย คล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี Virtualization ปรับโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ไปเป็น Cloud และไปยัง Mobile Device ต่างๆ ซึ่งจะสามารถส่งบริการต่างๆให้อุปกรณ์จากโมบายต่างๆได้ทุกเวลา
F5 Networks, Inc. ผู้นำระดับโลกในเทคโนโลยี Application Delivery Networking (ADN) โดยผลิตภัณฑ์ของ F5 Networks นี้จะทำหน้าที่ด้านการจัดส่งแอพพลิเคชั่นต่างๆบนระบบเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การจัดการบริหารโหลดการทำงานบน Servers รวมไปถึงการตรวจความพร้อมของ Server ให้มีความพร้อมในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้องค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่และกลุ่มลูกค้าของ Service providers ต่างๆสามารถเข้าถึงการใช้งานแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นไม่ว่าจะมีการติดตั้งอยู่บนVirtualization Platform หรือ Cloud Computing Platform ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และโซลูชั่นของ F5 Networks ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานแอพลิเคชั่นและการจัดการข้อมูล ตลอดจนเพิ่มความรวดเร็วในการใช้งานแอพลิเคชั่นต่างๆ ผ่านทางเดสก์ท็อปขององค์กรหรือสมาร์ทดีไวซ์ เช่น iPhone , iPad หรือ Android ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ไม่ว่าผู้ใช้งานมีการใช้งานแอพลิเคชั่นจากสถานที่ใดก็ตาม
จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายตรงกับทั้ง 3 บริษัท ประกอบกับที่ AIT เป็นตัวแทนจำหน่าย CISCO Systems จะทำให้ AIT สามารถนำเสนอสินค้าและบริการระบบ Cloud & Virtualization ในรูปแบบของโซลูชั่นเทคโนโลยีให้แก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนขนาดใหญ่ และ Service Provider ได้อย่างครบวงจร และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้ยุคเศรษฐกิจดิจิตอลได้ดียิ่งขึ้น “เดิม AIT ซึ่งเป็นผู้นำและตัวแทนจำหน่ายอันดับหนึ่งของผลิตภัณฑ์เครือข่ายและแม่ข่ายของ CISCO และด้วยความเชี่ยวชาญในระบบเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ ส่งผลให้ AIT มุ่งต่อยอดการให้บริการในด้าน Cloud & Virtualization ให้แก่ลูกค้า จากแรงผลักดันนโยบายเศษฐกิจดิจิทัล เราจึงมองเห็นโอกาสขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตการใช้ข้อมูลในด้านของ Cloud และ Digital Content รวม ถึง Big Data เราจึงเลือกจับมือร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทั้ง 3 บริษัทที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีดังกล่าว โดยเราจะเป็นผู้รวบรวมและนำเสนอโซลูชั่นระบบ Cloud & Virtualization ได้แบบครบวงจร ส่งผลให้ AIT สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายในด้านของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายศิริพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าการรุกขยายธุรกิจไปสู่ระบบ Cloud & Virtualization ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการเข้ารับงานจากลูกค้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชนต่างๆ มากยิ่งขึ้น และส่งผลดีต่อการผลักดันรายได้ของ AIT ให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าภายใน 1 ปีหลังจากรุกธุรกิจ ในครั้งนี้ จะผลักดันรายได้เติบโต 10-15%
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เน็ตแอพ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราได้ร่วมงานกับ AIT มาระยะหนึ่ง ทำให้เห็นการลงทุนในด้านบุคลากรอย่างจริงจังของ AIT รวมทั้งศักยภาพทางธุรกิจที่โดดเด่น ประกอบกับการที่ AIT เป็นตัวแทนจำหน่ายรายหลักของ CISCO ก็จะยิ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันโซลูชั่น FlexPod ซึ่งเราทำร่วมกับ CISCO และเป็น Converged Infrastructure อันดับต้นๆของโลก ให้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในประเทศไทย”
ด้าน ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วีเอ็มแวร์ ในฐานะผู้นำในด้านโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานเวอร์ช่วลไลเซชั่นและคลาวด์ ปัจจุบันเป็นองค์กรเดียวในตลาดที่มีแพลตฟอร์ม “One Cloud” ซึ่งประกอบด้วยโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่จะทำให้องค์กรธุรกิจทำงานได้อย่างปลอดภัยและไร้ข้อจำกัดได้บนทุกแอพพลิเคชั่นและทุกอุปกรณ์ ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถสร้างคลาวด์ภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมต่อการใช้งานร่วมกับคลาวด์ สาธารณะ เพื่อสร้างไฮบริด คลาวด์ที่องค์กรสามารถจัดการได้ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ โดยโซลูชั่นภายใต้แพลตฟอร์ม “One Cloud” นี้พัฒนามาจากการที่วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำเทคโนโลยีซอฟต์แวร์-ดีฟายดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เวอร์ช่วลไลซ์ได้ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรไม่ว่าจะเป็น หน่วยประมวลผล เน็ตเวิร์ก หรือสตอเรจ”
“ในวันนี้ วีเอ็มแวร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลงนามความร่วมมือกับ AIT ในฐานะผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเรามั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการมอบเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจและภาครัฐในการทำงานในยุคโมบายล์ คลาวด์ พร้อมสนับสนุนแนวทางรัฐบาลในเรื่อง ดิจิทัล อีโคโนมี ให้ประสบความสำเร็จต่อไป”
ขณะที่นางสาวธิติรัตน์ ทองถาวร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอฟไฟว์ เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) บริษัทเครือข่ายการให้บริการแอพพลิเคชั่น กล่าวว่า ในนามของเอฟไฟว์ เน็ตเวิร์ค ดิฉันมีความยินดีและขอขอบคุณผู้บริหาร AIT เป็นอย่างสูง ในการร่วมเป็นพันธมิตรในระดับสูงสุดของเอฟไฟว์ คือ Gold Partner ซึ่งถึงแม้ว่าเอฟไฟว์ จะเป็นผู้นำตลาด ADC ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดโลกและในประเทศไทยสูงสุดอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากเราไม่มีพันธมิตรที่มีความสามารถในการแข่งขัน และทีมงานที่ดีอย่าง AIT เราคงไม่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจากแผนงานที่เราวางแผนร่วมกันระหว่างเอฟไฟว์และ AIT ได้เตรียมทีมงานและโซลูชั่นสำหรับเทรนด์ Cloud และ Security เพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าสูงสุด ในงบประมาณที่เหมาะสมและสามารถใช้งานได้จริง