กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--KTAM
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นต์ ( TRIF) ในอัตรา 0.375 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 กรกฎาคม -31 ธันวาคม 2557 โดยคิดเป็นเงินที่จ่ายปันผลกว่า 595 ล้านบาท กองทุนจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 2 มีนาคม 2558 ปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 6 มีนาคม 2558 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 มีนาคม 2558
กองทุน TRIF ลงทุนในกรรมสิทธิ์ ที่ดินและอาคาร ศูนย์การค้า 7 โครงการ ได้แก่ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน ,โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่ , โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ , โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ , โครงการเอเชีย ทีค เดอะ รีเวอร์ ฟร้อนท์ , โครงการตะวันนา และ โครงการโอพี เพลส โดยกองทุนนี้มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ บริษัทเปิดจำหน่ายอีก 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 62 (KTFF62 ) เสนอขาย วันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2558 อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารต่างประเทศ ประมาณ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งประกอบด้วย เงินฝากประจำ China Construction Bank , เงินฝากประจำ Bank of China , MTN ออกโดย Banco ABC ( Brasil ) และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
พร้อมทั้งอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX3M3) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทพันธบัตรภาครัฐ ประมาณ 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผลตอบแทนประมาณ 1.90% ต่อปี
ในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุยกเว้นรุ่นอายุ 2 ปี ตามแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนในประเทศจากการที่ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ รวมถึงปรับตัวขึ้นตามผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ปรับขึ้นหลังมีกระแส Risk-on จากการที่กรีซและยูโรบรรลุข้อตกลง และการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ประกอบกับสหรัฐยังยืนยันดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับดอกเบี้ยทั่วโลก