กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
กลุ่ม KTIS ปิดงบปี 2557 มีรายได้ 20,348.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,365.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% เผยรายได้เพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 133.7% ขายเยื่อกระดาษเพิ่ม 6.9% เอทานอลเพิ่ม 12.4% ทำให้สัดส่วนรายได้ของ KTIS ปี 57 ในส่วนของการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลอยู่ที่ 77.8% เอทานอล 8.6% เยื่อกระดาษ 7.9% ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 3.1% และอื่นๆ 2.6% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.18 บาท
นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 ในทุกกลุ่มธุรกิจของ KTIS ยังคงมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจที่มีการเติบโตของรายได้สูงสุดคือการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 133.7%
ทั้งนี้ จากงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวมในปี 2557 เท่ากับ 20,348.8 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีรายได้ 18,485.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,365.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลเพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากยอดส่งออกน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลก็มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.4% การขายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น 6.9% โดยสามารถจำแนกสัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้เป็น การผลิตและจำหน่ายน้ำตาล 77.8% การผลิตและจำหน่ายเอทานอล 8.6% การขายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย 7.9% การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 3.1% และอื่นๆ 2.6%
นายประพันธ์กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 (1 ม.ค.- 31 ธ.ค.57) ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท โดยกำหนดวันที่ผู้ถือหุ้นจะไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 เมษายน 2558
“ปีนี้กลุ่ม KTIS จะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ คือโครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sucrose) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) มีกำลังการผลิตน้ำเชื่อม 400 ตัน (400,000 กิโลกรัม) ต่อวัน และกำลังการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ 500 ตัน (500,000 กิโลกรัม) ต่อวัน และโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลอีก 2 โรง กำลังการผลิตโรงละ 50 เมกะวัตต์ รวม 100 เมกะวัตต์ รวมถึงการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพอีกด้วย ซึ่งจะทำให้รายได้ของปีนี้สูงกว่าปี 2557” นายประพันธ์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าวถึงแนวโน้มของปริมาณอ้อยที่อยู่ในช่วงเปิดหีบในขณะนี้ด้วยว่า แม้ว่าในฤดูการผลิต 2557/2558 พื้นที่ปลูกอ้อยจำนวนมากได้ประสบกับปัญหาความแล้ง ทำให้ได้ผลผลิตอ้อยโดยรวมไม่ดีนัก แต่สำหรับกลุ่ม KTIS นั้น มีทีมงานฝ่ายไร่ที่เข้มแข็ง ที่เข้าไปช่วยชาวไร่อ้อยดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ของชาวไร่อ้อย KTIS ซึ่งอยู่ในแถบภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ก็ไม่ได้ประสบปัญหาความแห้งแล้ง ดังนั้น จึงเชื่อว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบของ KTIS ในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา