กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--เวเบอร์ แชนวิค
– แซม มิลเลอร์-คริสเตนเซน หนึ่งในลูกค้าเชฟโรเลต โวลต์ รุ่นปี 2014 มีความประทับใจในประสิทธิภาพของรถเป็นอย่างมากและเขาได้ให้ความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาโวลต์ เจนเนอเรชั่นใหม่
“ผมได้กล่าวกับทีมนักพัฒนาของเชฟโรเลตไว้ว่าถ้าพวกเขาเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โวลต์ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ผมชื่นชอบนั้นจะน่าใช้งานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” มิลเลอร์-คริสเตียนเซนกล่าว “และผมก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาขยายระยะทางขับเคลื่อนให้ไกลขึ้นจริงๆ”
ความเห็นของมิลเลอร์-คริสเตียนเซนเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าโวลต์ รุ่นปี 2016 ได้รับการพัฒนาทางวิศวกรรมจากการรับฟังเสียงของลูกค้าที่ใช้งานจริง ความคิดเห็นของลูกค้ามีความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเชฟโรเลตที่ผลิตและจำหน่ายรถทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย
หลังจากการเปิดตัวโวลต์ เจนเนอเรชั่นแรก เชฟโรเลตได้มีการพบปะกับกลุ่มลูกค้าที่ปรึกษาจำนวน 12 คนจากทั่วสหรัฐอเมริกาเป็นประจำทุกเดือนเพื่อทำความเข้าใจว่าลูกค้ามีการใช้งานโวลต์อย่างไร
“โวลต์เป็นการบุกเบิกรถพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่อย่างแท้จริงและเราไม่แน่ใจว่าผู้คนทั่วไปจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหรือโวลต์จะถูกใช้งานอย่างไรในชีวิตประจำวันของลูกค้า” ดาริน เกสส์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์โวลต์กล่าว “ดังนั้นเราจึงเริ่มตั้งคำถามง่ายๆ อาทิ ลูกค้าเสียบปลั๊กชาร์จไฟโวลต์อย่างไรและเมื่อใดซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาโวลต์เจนเนอเรชั่นใหม่”
“เราให้ลูกค้าเป็นหัวใจในทุกสิ่งที่เราทำ และเราใช้แนวคิดดังกล่าวในการพัฒนาโวลต์ รุ่นปี 2016 อย่างแท้จริง”
ทีมพัฒนาโวลต์ยังต้องการทราบว่าคุณสมบัติเด่นด้านใดของโวลต์ที่ลูกค้าชื่นชอบและคุณสมบัติใดที่ต้องการให้มีการปรับปรุง ทีมพัฒนาของเราได้พูดคุยกับลูกค้าโวลต์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย กิจกรรมต่างๆ และช่องทางอินเตอร์เน็ตความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์และตรงไปตรงมาของลูกค้าช่วยให้ทีมนักวิศวกรของเราสามารถตัดสินใจกำหนดทิศทางการพัฒนาโวลต์เจนเนอเรชั่นต่อไป
นอกจากการเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพัฒนาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดขยายระยะทางขับเคลื่อนแล้ว ลูกค้ายังต้องการเบาะที่นั่งสำหรับผู้โดยสารคนที่ห้าในการเดินทางระยะใกล้ โดยโวลต์รุ่นใหม่มาพร้อมคุณสมบัติดังกล่าวพร้อมกับการขยายพื้นที่ใช้สอยให้กว้างมากขึ้นและติดตั้งเบาะที่นั่งแถวหลังที่สามารถปรับอุณหภูมิความร้อนได้
โวลต์รุ่นปี 2016 สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าบนระยะทาง 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กม.) จากการประเมินของจีเอ็ม และมีระยะทางขับเคลื่อนไกลกว่า 400 ไมล์ (ประมาณ 643 กม.) ก่อนการเติมเชื้อเพลิง ถ้าชาร์จไฟตามปกติลูกค้าสามารถเดินทางได้ไกลโดยเฉลี่ยมากกว่า 1,000 ไมล์ (ประมาณ 1,609 กม.) ระหว่างการเติมเชื้อเพลิง ระยะทางดังกล่าวคาดคะเนจากอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของจีเอ็มซึ่งอยู่ที่41 ไมล์ต่อแกลลอน (17.4 กม./ลิตร) และ 102 ไมล์ต่อแกลลอนเทียบเท่า (MPGe) ซึ่งเป็นมาตรวัดระยะทางเฉลี่ยต่อการบริโภคพลังงานหนึ่งหน่วย
นอกจากนี้เชฟโรเลตยังได้ทราบว่าลูกค้าต้องการอินเตอร์เฟซภายในรถยนต์ที่ใช้งานง่ายขึ้นดังนั้น แผงคอนโซลของโวลต์ รุ่นปี 2016 จึงถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมโดยมีไอคอนน้อยลง สวิทช์ควบคุมอากาศแบบแยกส่วน และปุ่มควบคุมด้านล่างหน้าจอแสดงผลที่ออกแบบมาเพื่อความชัดเจนและสะดวกต่อการสั่งงาน
เสียงของลูกค้าช่วยให้เชฟโรเลตสามารถพัฒนาคุณสมบัติเด่นได้ดังต่อไปนี้
เครื่องยนต์ทำงานด้วยความเงียบมากขึ้นที่ความเร็วต่ำกว่า
กรอบไฟหน้าแอลอีดี (LED) เพิ่มทัศนวิสัยมากขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่า
ลดขนาดแผ่นดักลมใต้รถเพื่อป้องกันความเสียหายขณะลงหรือขึ้นทางลาดชัน
พวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิความร้อนได้
ระบบ Regen on DemandTM ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบคืนพลังงานขณะเบรกซึ่งช่วย
ส่งพลังงานกลับขณะชะลอความเร็ว
รองรับการปรับแต่งหน้าจอแสดงผลข้อมูลของตัวรถตามความต้องการของผู้ขับขี่
เลือกรูปแบบการชาร์จไฟฟ้าตามสถานที่ที่กำหนด เพิ่มความสะดวกสบายในการชาร์จไฟตามสถานที่ต่างๆ
การแจ้งข้อมูลเรื่องการชาร์จไฟที่ชัดเจนมากขึ้น
ระบบแจ้งเตือนหากเปิดฝาชาร์จไฟทิ้งไว้
ติดตั้งไฟส่องสว่างที่ช่องชาร์จไฟฟ้า
มียางอะไหล่สำรอง
โวลต์โฉมปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในรถที่มีลูกค้าชื่นชอบอย่างเหนียวแน่นมากที่สุดและทำคะแนน
ด้านคุณภาพสูงสุดในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังจากเปิดตัวทำตลาดแค่เพียง 4 ปี โวลต์ได้รับรางวัลและการยกย่องมากกว่ารถพลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ โดยหนึ่งในรางวัลอันน่าภาคภูมิใจ ได้แก่ 2015 Kelley Blue Book’s 2015 Best Buy Award และ Top Safety Pick จากสถาบันรับประกันความปลอดภัยบนถนนหลวงของสหรัฐอเมริกา