กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--ir network
บมจ. อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์-เครื่องมือแพทย์ และด้านความงาม ตั้งเป้าปี 2558 ขอกวาดรายได้โตต่อเนื่อง 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 150% หลังปี 2557 โชว์รายได้กว่า 1,400 ล้านบาท คว้ากำไร 240 ล้านบาท ลั่นปีนี้เน้นกลยุทธ์ขยายธุรกิจทุกด้าน แถมรับรู้รายได้จากวุฒิศักดิ์เต็มๆ เดินหน้าสู่อาเซียนและตลาดเอเชีย พร้อมคืนกำไรผู้ถือหุ้นบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลครั้งแรก 0.01 บาทต่อหุ้น
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (EFORL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในปี 2558 จะมีการขยายตัวที่โดดเด่นกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายได้เข้ามาจากหลายทาง ทั้งธุรกิจเดิมคือการนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ รวมถึงปีนี้จะรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่อย่างเต็มที่ ทั้งจากวุฒิศักดิ์คลีนิก และจาก บริษัทแดทโซ เอเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 150% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวมกว่า 1,400ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 240 ล้านบาท
ดังนั้นคณะกรรมการของบริษัทจึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.01 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิ์ (XD) 27 เมษายน 2558
สำหรับปี 2558 บริษัทจะเน้นการขยายตัวควบคู่ไปในทุกๆด้าน โดยคาดว่าสัดส่วนของรายได้ในปี 2558 จะมาจากรายได้ของธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ 50% รายได้จากธุรกิจความงาม 50% ในส่วนธุรกิจอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์นั้นในปีนี้จะเพิ่มไลน์สินค้ามากขึ้น ควบคู่กับการหาแบรนด์สินค้าใหม่ๆเข้ามา และเร่งการขออนุญาต อย.สินค้าที่ค้างเดิมจากปีที่ผ่านมา โดยยังคงเน้นนโยบายการเจาะตลาดทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนควบคู่กันไป ซึ่งตลาดด้านสุขภาพและความงามยังเป็นดาวรุ่งของปี การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก็จะส่งผลให้ประเทศต่างๆในภูมิภาคสามารถเดินทางมาใช้บริการด้านการแพทย์ในประเทศไทยได้กว้างขวางขึ้น
สำหรับธุรกิจด้านความงาม โดยในส่วนของ วุฒิศักดิ์ ภายในประเทศจะเน้นการทำกำไรเป็นหลัก จากสาขาภายในประเทศ 120 สาขา ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่สะสมมากว่า 15 ปี ส่วนในต่างประเทศจะเน้นการขยายตัวรองรับตลาด เออีซี ผ่านแฟรนไชน์ในต่างประเทศ อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนม่าร์ ที่ปัจจุบันมี 11สาขาและกำลังจะเปิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ? นอกจากนี้ในส่วนของ แดทโซ ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้นจำนวน 18% จะเน้นตลาดความงามในระดับภูมิภาคเอเชีย ซึ่งล่าสุดสามารถเจาะตลาด จีน ใต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยเน้นตลาดระดับบน อาทิวงการบันเทิงและนักธุรกิจชั้นนำ ?