กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
PTG ตั้งเป้า เป็นผู้นำธุรกิจพลังงานครบวงจร เตรียมขยายสถานีให้บริการน้ำมันให้ครบ 1,000 สาขา ก่อนกลางปี และรุกธุรกิจก๊าซแอลพีจี เต็มรูปแบบ คาดรายได้ปี 58 โตเพิ่มกว่า 20 % พร้อมเคาะปันผล 0.15 บาท ต่อหุ้น หลังธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ทิศทางในการดำเนินงานของพีทีจีในปี 2558 นั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าผลการดำเนินงานธุรกิจหรือรายได้น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2557 น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 20% เมื่อเทียบกับปี 2557 จากการให้บริการน้ำมันที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และขณะเดียวกันสถานีให้บริการเดิมก็มีสัดส่วนของผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยรายได้รวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นในส่วนของการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีให้บริการเป็นหลักเช่นเดิม แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้จะมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากสถานีให้บริการก๊าซ แอลพีจี ที่ในในปีนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดก๊าซแอลพีจี อย่างเต็มตัวเนื่องจากเป็นแผนของบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมในส่วนของพลังงานแบบครบวงจร โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการสถานีแก๊สแอลพีจี จำนวน 30 สาขาภายในปี 2558
“นโยบายการเปิดสถานีให้บริการก๊าซ แอลพีจี นั้นเราดำเนินนโยบายหรือโมเดลเช่นเดียวกันกับการเปิดสถานีให้บริการน้ำมันโดยทางบริษัทฯ เน้นการเช่าเข้าไปปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของสถานีบริการ ทำให้ใช้งบการลงทุนไม่มากคาดว่างบที่ใช้ลงทุนเบื้องต้นสถานีละประมาณ 5-7 ล้านบาท โดยจะมีผลให้การเปิดสถานีให้บริการก๊าซ แอลพีจี สามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้น นอกจากนั้นการหาทำเลที่ตั้งสถานีบริการจะคำนึงถึงความคุ้มค่ามากที่สุดเพื่อรองรับรถยนต์ที่มีการใช้ก๊าซ แอลพีจี” นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสถานีให้บริการน้ำมัน “พีที” คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการครบ 1,000 สถานี ในเดือนเมษายน 2558 นี้ และภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มการเปิดให้บริการสถานีน้ำมันเป็น 1,200 แห่ง ส่งผลให้ “พีทีจี” มีสถานีบริการน้ำมันมากขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ในส่วนของสมาชิกบัตร ““พีที แม็กซ์ การ์ด” สิ้นปี 2557 มีสมาชิกกว่า 2.4 ล้านราย และคาดว่าในปีนี้น่าจะมีผู้ให้ความสนใจสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มมากขึ้น จากการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งสถานีให้บริการน้ำมันและสถานีให้บริการ ก๊าซ แอลพีจี คาดว่าจำนวนสมาชิกบัตร “พีที แม็กซ์ การ์ด” สิ้นปี 2558 จะมีประมาณ 3.6 ล้านราย
“ในช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา พีทีจี มุ่งมั่นขยายสถานีบริการน้ำมันที่ได้มาตรฐานครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ใช้น้ำมันที่มีคุณภาพ และได้รับบริการที่ดี โดยในปี 2557 บริษัทฯ มีสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 951 สถานี ครอบคลุม 96% ของจังหวัดทั้งหมด และครอบคลุม 53% ของอำเภอทั้งหมดในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายสถานีบริการน้ำ0มันที่ทางบริษัทฯ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และเป็นผู้บริหารงานเอง (COCO: Company Owned Company Operated) เพื่อควบคุมคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง และมาตรฐานการบริการ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการให้ บริการและเข้าถึงกลุ่มผู้ ใช้ บริการมากขึ้น โดยเข้ าปรับปรุงจุดพักรถ (Rest Area) ทั้ง 2 แห่ง ที่เขาโพธิ์จ.ประจวบคีรีขันธ์ และที่มโนรมย์จ.ชัยนาท ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในส่วนของ Community Mall ในจุดพักรถทั้ง 2 แห่ง ภายในกลางปี2558” นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ (Palm Complex) ล่าสุดทางพีทีจี ได้ร่วมลงนามกับพันธมิตร 2 ราย ได้แก่ กลุ่มบริษัท ท่าฉางอุตสาหกรรม หรือ TCG และ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 872 ล้านบาทนั้น พีทีจีถือหุ้น 40% กลุ่มบริษัทท่าฉางฯ 50% และอาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา 10% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
“ทั้งหมดเป็นเพียงโครงการในระยะเริ่มต้น ที่เราจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะอันใกล้ แต่ในอนาคต บริษัทฯ ยังมีแผนงานที่อยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อมูลอีกมาก เพื่อเป็นการมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานอย่างรอบด้าน เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่เราไม่เพียงต้องการเป็นผู้นำในด้านการให้บริการสถานีบริการน้ำมัน โดยทางบริษัทได้มีการหารือกับบริษัทต่างๆเพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนในอนาคตอันใกล้นี้” นายพิทักษ์กล่าว
“ในปี 2557 บริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 58.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 494 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 1,851 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6% เนื่องจากสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสถานีบริการแบบ COCO ที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งค่าการตลาดที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ในปี 2557 บริษัทฯ มีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.83 เท่า ลดลงจากปี ที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.86 เท่า และบริษัทฯ มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 0.29เท่า” นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์กล่าวต่อว่า “ในส่วนของรายได้จากการขายและบริการของบริษัทในงวดปี 2557 ก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 15.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีรายได้อยู่ที่ 55,124 ล้านบาท ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศฟื้นตัวได้ช้า สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนในครึ่งปีแรกของปี 2557 ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกในไตรมาส 4 ของปี 2557 ลดลงมาค่อนข้างมากแต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถที่จะมีผลประกอบการทั้งในส่วนของรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารการจัดการของบริษัทฯ ในทุกๆด้าน”
นายพิทักษ์ยังกล่าวอีกว่า จากผลประกอบการของบริษัทที่ประกาศมาในงวดปี 2557 ที่ยังมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทางคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราส่วน 0.15 บาทต่อหุ้น เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจในการลงทุนถือหุ้นของบริษัทในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา โดยจะประกาศปันผล (XD) ในวันที่ 9 มีนาคม 2558 นี้