กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--Image Solution
ย้ำสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารและนักธุรกิจรุ่นใหม่ไทย-จีน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีน ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งใน
ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เปิดเผยว่า “การจัดสัมมนา Thai-Chinese Young Executive Program ครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 40 ปี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะทั้งจากรัฐบาล กองทัพไทย และประชาชนชาวไทย นอกจากนั้น การจัดงานในครั้งนี้ ยังจัดขึ้นในสถานการณ์ใหม่ คือ สถานการณ์ทางยุทธศาสตร์ Maritime Silk Road ที่กระแสสันติภาพและการพัฒนาของโลกและมวลมนุษยชาติกำลังขับเคลื่อนไปอย่างกว้างขวาง ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้จึงถือได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นให้แก่ยุคสมัยของความสัมพันธ์และความร่วมมือของคนรุ่นใหม่ไทย-จีน เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ไทย-จีน มีหลักประกันที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป
นายโฆสิต สุวินิจจิต อุปนายก สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เปิดเผยว่า “ในการจัดสัมมนาในครั้งนี้ จะมีนักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือ Young Executive ฝ่ายไทยจำนวน 50 คน ประกอบด้วยนักธุรกิจรุ่นใหม่ของประเทศไทย ที่มีสินทรัพย์ขนาด 500 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 44 คน โดยสถานทูตจีนจะเป็นผู้เสนอชื่อเพิ่มเติมอีก 6 คน ในขณะที่คณะ Young Executive ฝ่ายจีนจะประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและภาคธุรกิจของจีน จำนวน 50 คน ซึ่งมีสินทรัพย์เกิน 1,000 ล้านบาท) ซึ่งจะเป็นการริเริ่มประสานความสัมพันธ์ระหว่างนักธุรกิจรุ่นใหม่ไทย-จีน อย่างเป็นรูปธรรม” นายโฆสิต กล่าวเพิ่มเติมว่า “คณะผู้แทนจากประเทศจีน ได้เดินทางถึงประเทศไทย ในวันที่ 1 มีนาคม 2558 และมีพิธีเปิดการสัมมนา และจัดสัมมนาในวันที่ 2 มีนาคม 2558 ช่วงเช้าโดยในช่วงบ่ายจะมีการเข้าเยี่ยมคารวะผู้นำรัฐบาล ในวันที่ 3 มีนาคม 2558 ช่วงเช้า คณะ Young Executive ทั้งสองฝ่ายจะเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และในช่วงบ่ายจะเข้าสัมมนาว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยและภูมิภาค โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นเจ้าภาพ และในช่วงค่ำนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการธนาคารกสิกรไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงรับรองคณะ วันรุ่งขึ้น คณะ Young Executive จะเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านนายาว อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา และเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากนั้นเยี่ยมชมโครงการส่งเสริมอาชีพและโรงเรียนมัธยมพระราชทาน ถึงเวลาค่ำจะล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันที่ 5 มีนาคม 2558 ช่วงเช้า คณะผู้แทนจะเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเวลา 16.00 น. ณ อาคารชัยพัฒนา พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สถานทูตจีนและสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน จะจัดงานเลี้ยงส่งคณะผู้แทนในช่วงค่ำวันที่ 5 มีนาคม 2558 สำหรับวันที่ 6 มีนาคม 2558 ช่วงเช้า คณะผู้แทนจะเข้าสักการะพระแก้วมรกต แล้วเดินทางกลับประเทศจีน ซึ่งจากกิจกรรมดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เราได้ร่วมเปิดประสบการณ์ คณะ Young Executive ที่พร้อมไปด้วยกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม ซึ่งนอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจด้านเศรษฐกิจ ก็ยังจะทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย และ จีน ทั้งด้านสังคม ศาสนา และวัฒนธรรมอีกด้วย ซึ่งนี่คืออีกวัตถุประสงค์ที่เราดำเนินโครงการในครั้งนี้
นายไพศาล พืชมงคล อุปนายกและเลขาธิการ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า “นับตั้งแต่ประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนถึงบัดนี้เป็นเวลา 40 ปี ความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษาและวัฒนธรรม ได้ขยายตัวไปอย่างเด่นชัด และกลายเป็นแบบอย่างความร่วมมือให้กับนานาชาติ เพราะเป็นความร่วมมือซึ่งเกิดจากความพร้อมใจของประชาชาติทั้งสองประเทศ และได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ความสัมพันธ์สามระดับ คือระดับประมุขแห่งรัฐ ระดับรัฐบาล และระดับประชาชนแน่นแฟ้น มากยิ่งขึ้น การจัดสัมมนาในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีนได้เข้าสัมมนาร่วมกัน ทัศนศึกษาร่วมกัน และใช้ชีวิตร่วมกัน โดยฝ่ายไทยได้เชื้อเชิญนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีธุรกิจเป็นของตนเองที่ต่อเนื่องมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีเชื้อสายจีน เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ได้รู้จักใช้ชีวิตร่วมกันกับเพื่อนชาวจีน ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารรุ่นใหม่ของจีนที่ได้เข้าร่วมสัมมนาในวันนี้ก็จะได้มีโอกาสคบหาเพื่อนใหม่ที่กำลังเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือของนักบริหาร นักธุรกิจรุ่นใหม่ไทย-จีน ที่ได้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้จะก่อให้เกิดความสนิทสนมแน่นแฟ้นและนำไปสู่ความร่วมมือในการขับเคลื่อนกระแสสันติภาพและการพัฒนา ในการขับเคลื่อนเส้นทางสายไหมทั้งทางบก ทางทะเล เชื่อมโยงอาเซียน-จีน เชื่อมโยงเอเชียกับยุโรปและสองฝั่งฟากมหาสมุทรให้อยู่ในอ้อมกอดแห่งสันติภาพและการพัฒนาที่เป็นจริง”
ผลจากการจัดสัมมนาในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักบริหารและนักธุรกิจรุ่นใหม่ของไทย จำนวน 50 คน ที่มีขนาด สินทรัพย์รวมกัน 25,000 ล้านบาท และก่อให้เกิดความร่วมมือและประสานงานระหว่างนักบริหารและนักธุรกิจรุ่นใหม่ของไทยจำนวน 50 คน กับฝ่ายจีนอีก 50 คน ซึ่งมีขนาดสินทรัพย์รวมกันประมาณ 75,000 ล้านบาท” นายไพศาล กล่าวทิ้งท้าย