กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--Worklink PR
ซีแพนเนล (CPanel) กางแผนปี 58 เดินหน้าอัพกำลังผลิตเพิ่มเท่าตัว รองรับความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าในอนาคต หลังเข้าสู่ยุคทองอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ชูจุดเด่น ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปมาตรฐานสูง ตอบโจทย์ปัญหาแรงงานก่อสร้าง และลดระยะเวลาก่อสร้าง เพิ่มคุณภาพงาน ตั้งเป้ากวาดรายได้ปีนี้แตะ 300-400 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูปมาตรฐานสูง เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการดำเนินงานในปี 2558 โดยวางแผนจะขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือขยายกำลังการผลิตเป็น 860,000 ตารางเมตรต่อปี จากเดิมที่บริษัทมีกำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ประมาณ 430,000 ตารางเมตรต่อปี เพื่อเตรียมไว้สำหรับรองรับความต้องการ (ดีมานด์) ของกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาในอนาคต หลังจากที่บริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ จากแนวโน้มสัญญาณการขยายตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป
โดยแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตามการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงได้แรงขับเคลื่อนที่ดีจากความชัดเจนของนโยบายภาครัฐบาลในการกระตุ้นการเบิกใช้งบประมาณ ประกอบกับภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นทยอยกลับมาลงทุน ส่งผลทำให้ความต้องการการในการใช้งานวัสดุก่อสร้างแบบสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน ด้วยวัสดุก่อสร้างผนังคอนกรีตสำเร็จรูปมาตรฐานสูงของ CPanel ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการบริหารจัดการระยะเวลาในการทำงาน และลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพงานก่อสร้าง รวมถึงลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานลงได้ ซึ่งถือได้ว่าคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปดังกล่าว จะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่และรายเล็กหันมาเลือกใช้วัสดุก่อสร้างแบบสำเร็จรูปกันมากขึ้น
“ปี 2558 เป็นปีที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามการเจริญเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ตลาดวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดีตามไปด้วย และปัจจุบันแนวโน้มของความนิยมวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป หรือ พรีแคส มีเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากพรีแคสนั้น สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาที่วงการก่อสร้างคิดไม่ตก คือ ปัญหาด้านการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งในด้านการขาดแคลนแรงงาน ตลอดจนการว่าจ้างผู้รับเหมา ซึ่งถือว่าวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปหรือพรีแคสได้เปรียบตรงจุดนี้” นายชาคริตกล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มของการหันมาใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปหรือพรีแคส จึงจัดได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้างในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันเชื่อมั่นว่าเทรนด์การใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป หรือ พรีแคสจากนี้ไปจะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตที่ระดับ 300 – 400 ล้านบาท