กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--กองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือความร่วมมือด้านการประมงระหว่างไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่า กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเรือประมงและเรือบรรทุกสัตว์น้ำที่จอดเทียบท่า ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยเปิดโอกาสให้ตัวแทนจากกลุ่มผู้ประกอบการและกลุ่มชาวประมง ร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหา และจากการที่สาธารณรัฐอินโดนีเซียออกกฎกระทรวงกิจการทางทะเลและประมง ระบุว่า ห้ามใช้เครื่องมือประมงอวนลากและอวนล้อมทำการประมงในน่านน้ำสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยใบอนุญาตทำการประมงสำหรับเครื่องมือประมงอวนลากและอวนล้อมที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านี้ สามารถใช้ได้จนถึงวันหมดอายุ ซึ่งปัญหาทั้งหมดส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อธุรกิจภาคประมงของไทย เนื่องจากสัตว์น้ำที่จับได้นอกน่านน้ำกว่า 80% มาจากจากทางสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จึงต้องเร่งหาทางออกเพื่อช่วยเหลือธุรกิจทางภาคการประมงของไทย
นายชวลิต กล่าวต่อไปว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับหน้าที่ประสานงานกับตัวแทนผู้ประกอบการและกลุ่มชาวประมง เพื่อรับฟังปัญหาและหาทางออกร่วมกัน ซึ่งจากการพูดคุย ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ คือ 1) ได้ทราบถึงสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และ 2) แนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนที่ทางสมาคมหรือผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ทั้งในเรื่องของเรือประมง เครื่องมือทำการประมง และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากการที่สาธารณรัฐอินโดนีเซียจะมีการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น และจะมีการพิจารณาเรื่องใบอนุญาตทำการประมงหลังวันที่ 30 เม.ย. นี้
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและกลุ่มชาวประมง จึงต้องการให้รัฐบาลเป็นตัวกลางในการเจรจากับทางสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และสมาคมการประมงนอกน่านน้ำ จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ 1) การรวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ 2) การรวบรวมข้อเสนอแนะและแนวทาง รวมถึงทางออกในการแก้ปัญหา ในมุมมองของชาวประมง ซึ่งชาวประมงไทยพร้อมจะปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎกติกา และทำการประมงให้ถูกต้อง โดยจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหามายังกระทรวงเกษตรฯ ภายในวันพฤหัสบดีที่ 5 มี.ค. นี้ ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรวบรวมข้อเสนอแนวทางดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป