กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม
กำหนดฉาย 16 เมษายน 2558
เกี่ยวกับงานสร้าง
“จงสรรเสริญตัวของคุณเอง”
- ดัสติน ฮอฟแมน รับบทคุณครูคณะประสานเสียง ใน BOYCHOIR
จากผู้กำกับฝีมือเยี่ยม “ฟรองซัวส์ ฌิราร์” (THE RED VIOLIN) มาเล่าเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจของเด็กดื้อรั้นแต่พรสวรรค์สูงผู้ถูกท้าทายจากความต้องการของคุณครูให้สร้างสิ่งอันน่าเหลือเชื่อของความฝันที่กำลังกลายเป็นความจริง
โดยนักแสดงชั้นเอกประกอบด้วย นักแสดงผู้ชนะรางวัลออสการ์สองครั้ง “ดัสติน ฮอฟแมน” , นักแสดงรางวัลออสการ์ “เคธี่ “เบทส์”, นักแสดงรางวัลเอมมี่สองครั้ง “เอ็ดดี้ ลิลซาร์ด, นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สามครั้ง “เดบร้า วิงเกอร์”, จอช ลูคัส (A BEAUTIFUL MIND) และ เควิน แม็คเฮล (Glee) รวมด้วยกับทีมนักแสดงนำหน้าใหม่ที่น่าตื่นเต้นซึ่งเป็นนักร้องดาวรุ่งผู้จะมาประชันบทเพลงกันจนยกระดับทีมโรงเรียนบอยชอย์ให้ขึ้นไปสู่การแข่งขันระดับประเทศ
ความเร้าใจของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรีนี้เริ่มต้นด้วย สเต็ท (นักแสดงหน้าใหม่ “การ์เร็ท แวริ่ง”) ผู้กำลังดิ้นรนปรับตัวในย่านเท็กซัสกับแม่ม่ายยอดนักสู้ โดยครูใหญ่โรงเรียนของเขา (วิงเกอร์) เห็นพรสวรรค์ที่น่าสนับสนุนทางดนตรีของเขา แต่สเต็ทมองไม่เห็นว่าการร้องเพลงจะช่วยเยียวยาชีวิตจากความจริงที่มืดมิดได้อย่างไร การโยกย้ายเกิดขึ้นเมื่ออุบัติเหตุของแม่เขาได้ส่งให้เสต็ทไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประเทศ ณ โรงเรียนประจำ “บอยชอร์” ซึ่งเป็นโรงเรียนร้องประสานเสียงแห่งชาติ สถานที่อาจเป็นความหวังสุดท้ายของเขา แม้รู้ตัวว่าเขาจะไม่เหมาะสมก็ตาม เพราะเขาไม่เคยเรียนดนตรีมาก่อน เขาไม่มีจิตวิญญาณดนตรีที่คอยสนับสนุนเขา และเขาเต็มไปด้วยความโกรธข้นแค้นที่เขาไมสามารถที่จะแสดงออกมาได้ จนกระทั่งความเลวร้ายมาถึงขีดสุด เขาต้องเผชิญกับความยุ่งยากเมื่อพบครูที่เรียกร้อง,ไม่อ่อนข้อ และบีบบังคับเขาที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาก่อน ครูที่ทั้งโรงเรียนยกย่อง ซึ่งทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย เขาคือครูใหญ่ คาร์เวลล์ (ฮอฟแมน)
ถึงแม้ว่าความอัดอั้นภายในใจของสเต็ททำให้เกิดเสียงร้องเพลงที่น่าแปลกใจ และเมื่อเขายิ่งร้องเพลงมากเท่าไหร่ ครูใหญ่ก็ยิ่งเห็นความหลงใหลที่เติบโตขึ้นมากเท่านั้น ความหลงใหลที่จะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชีวิตสเต็ท แต่ยังได้ส่องกระทบถึงคนอื่นรอบตัวอีกด้วย ทั้งครูคาร์เวลล์เองไปยังเพื่อนร่วมงานจอมโอหัง “เดรค” (ลิซซาร์ด) ไปยังครูใหญ่หญิงจอมลุย (เบทส์) ไปยังครูหนุ่มผู้ปกป้องสเต็ทจากพ่อห่างเหินผู้พยายามหลบซ่อนการมีอยู่ของตนเอง (ลูคัส) ไปยัง “เดวอง” (โจ เวสท์) นักร้องสตาร์ ผู้เป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกันของสเต็ท การแข่งขันทำให้สเต็ทเริ่มเป็นที่น่าจับตาของทุกคน ในขณะเดียวกัน ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีเสียงร้องของเด็กผู้ชายคนไหนจะไพเราะตลอดไป หรืออยู่รอดจนวัยรุ่น การเปลี่ยนเปลงกำลังคืบคลานเข้ามาแต่บทเรียนจะยั่งยืนตลอกดไป เพื่อสอนสิ่งจริงแท้ที่สุดที่คุณจะได้รับในช่วงเวลานี้
BOYCHOIR กำกับโดย ฟรองซัวส์ ฌิราร์ สร้างจากบทภาพยนตร์ดั้งเดิมของ เบน ริบรีย์ นำแสดงโดย ดัสติน ฮอฟแมน, คาธี่ เบทส์, เอ็ดดี้ ลิซซาร์ด, เดบร้า วิงเกอร์, จอช ลูคัส, เควิน แม็คเฮล, กาเร็ท แวริ่ง, โจ เวสต์ และริเวอร์ อเล็กซานเดอร์ อำนวยการสร้างโดย จูดี้ ไคโร, คาโรล เบาม์ และเจน โกลเด้นริ่ง อำนวยการบริหารการผลิตโดย ไมเคิล เอ ซิมป์สัน, เอริค เบรเนอร์ และ ทิม ฮาสลัม เพลงสุดประณีตของภาพยนตร์ถูกประพันธ์ดั้งเดิมโดย ไบรอัน เบิร์น (ALBERT NOBBS) และเพลงธีม ““The Mystery of Your Gift” ขับร้องโดย ศิลปินรางวัลผู้เข้าชิงแกรมมี่ และผู้บันทึกเสียงที่ขายอัลบั้มได้มากกว่าสองล้านแผ่น “จอช โกรแบน” ซึ่งเขาร่วมแต่งเพลงกับ เบิร์น และภาพยนตร์ผลิตและออกทุนโดย Informant Media (CRAZY HEART)
เรื่องราวการเปล่งทะยานสุดพลังด้วยการขับร้องเสียงสูงอันอบอุ่นจากนักร้องวัยใสที่เหมือนแสงวูบเดียวแล้วต่อมาก็จางไป เป็นการเตือนความจำจากความงดงามในวัยเยาว์ที่แล่นผ่านมาและผ่านไปด้วยพลังอำนาจของเวลา นับศตวรรษแล้วที่เสียงร้องอันบริสุทธิ์โดยนักร้อง Boychoir ได้กลายเป็นศิลปินและผู้เป็นแรงบันดาลใจทางจิตวิญญาณสืบต่อไป แต่ตอนนี้ในศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางเสียงเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เอ่อล้น เสียงร้องธรรมชาติอันใสแจ๋วของมนุษย์จะกระทบใจผู้ฟังอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
มันเป็นวงดนตรีประสานเสียงของกลุ่มนักร้องที่เร้าร้อน ทั้งเด็กและแก่,ใหม่และเป็นตำนาน การสร้างภาพยนตร์ Boychoir เริ่มต้นด้วยบทภาพยนตร์ของเบน ริปลีย์ ซึ่งเคยมีผลงานเขียนบทหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ที่รู้จักกันเรื่อง SOUECE CODE ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงเปียโนคลาสสิกคลออยู่ตลอดเรื่อง ตอนที่เขาได้ศึกษาเกี่ยวกับโรงเรียนบอยชอร์ซึ่งเป็นที่สร้างเด็กเสียงทองประดับวงการไว้มากมาย ริบลีย์สนใจโลกที่ไม่ค่อยถูกนำเสนอที่อัจฉริยะกำลังเผชิญหน้ากับวันที่พรสวรรค์หมดอายุ เขาพบกับความขัดแย้งกับเด็กผู้มีสามารถของวันนี้แต่ไม่เคารพบรรพบุรุษหรือศิลปะทางจิตใจ และที่สำคัญที่สุดเป็นโอกาสอันดีที่ได้สร้างเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแก่นเรื่องความเป็นเด็ก, การเรียนการสอน, ความใฝ่ฝัน, การไม่ยังยืน และจังหวะที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปของชีวิต
ดังนั้นจึงเกิดเป็นเรื่องราวของ สเต็ท ผู้ที่ไม่น่าจะได้เรียนในโรงเรียนบอยชอร์เป็นที่สุด และครูผู้ควบคุมวงดนตรีประสานเสียง ทั้งที่เขาเแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า เป็นคนนิยมความสมบูณ์ แต่เขาก็ยังให้ใจอ่อนและโอกาสต่อสเต็ท
ผู้อำนวยการสร้าง จูดี้ ไคโร (CRAZY HEART) ผู้ได้เห็นบทภาพยนตร์ของเบน ริบลีย์ ไคโรจึงรีบนำบทภาพยนตร์ไปให้ผู้กำกับที่รู้กันว่ามีความสามารถในการนำดนตรีสร้างให้เกิดชีวิตบนจอภาพยนตร์ ซึ่งคือผู้กำกับภาพยนตร์,ละครเพลง และโอเปร่า “ฟรองซัวส์ ฌิราร์” นั่นเอง เขาเคยมีผลงานภาพยนตร์ดราม่าที่ได้ชนะเลิศอะคาเดมี่ อวอร์ด จาก THE RED VIOLIN เขาจึงถูกดึงตัวมากำกับเรื่องนี้โดยทันที
“ผมได้รับบทภาพยนตร์จากจูดี้ ไคโร โดยไม่รู้อะไรมากเท่าไหร่ และผมพบว่าผมชอบมันเมื่อได้อ่านครับ” ฌิราร์ กล่าว “มันเป็นสคริปต์ที่เต็มไปด้วยความจริงและหลายส่วนก็ถูกเขียนโดยนักเขียนที่ยังเป็นนักดนตรีอีกด้วย ซึ่งสำคัญมากเพราะว่าดนตรีเป็นเรื่องยากที่จะแปรเปลี่ยนเป็นตัวอักษร แต่ เบน ริบลี่ย์สามารถทำสองสิ่งให้เข้ากันได้”
ฌิราร์ยังให้เหตุผลที่ไม่อาจต้านทานได้ “ผมบอกเธอว่าผมสนใจดัสติน ฮอฟแมน ผมเคยคุยกับเขาเกี่ยวกับโปรเจ็กต์อื่นซึ่งไม่เคยได้ทำ สำหรับผม นี่เป็นโอกาสที่จะทำลายความผิดหวังเหล่านั้นไปซะที” เขาหัวเราะ “จริงๆ แล้ว ตอนที่ผมอ่านสคริปต์ ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ดัสติน จะอยู่ในหัวผมสำหรับบทครูคาร์เวลล์ ไปแล้ว”
ผู้กำกับไม่ได้คาดหวังจะกำกับแต่ถูกล่อใจโดยคอนเซฟต์ของนักเรียนบอยชอร์ ซึ่งไม่เพียงป็นการย้อนรำลึกวัยเด็กที่กำลังหล่นหายไปเท่านั้น แต่มันยังมีความสำคัญต่อทุกเพศทุกวัยของทุกขอบเขตประสบการณ์ เพื่อยึดมั่นโอกาสข้างหน้าที่ดีของพวกเราอีกด้วย
“ความไม่ยั่งยืนของโรงเรียนบอยชอร์ เป็นการเตือนตัวเองว่าการเดินทางของชีวิตนี้นั้นพวกเราจะได้รับบางสิ่งและสูญเสียบางอย่างไปอย่างไม่รู้ตัวอยู่เสมอ” ฌิราร์ ออกความเห็น “มนุษย์มีแนวโน้มที่จะเข้าใจประสบการณ์ของเราในแบบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในความเป็นจริงนั้น มันเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าพวกเราต้องการใช้ชีวิตด้วยความแน่นอน แต่ความแน่นอนของเราจะถูกพังทลายเข้าสักวัน นี้เป็นสิ่งที่จริงสำหรับเด็กชายร้องเพลงประสานเสียงในเรื่อง แต่ผมคิดว่าทุกคนสามารถอินไปกับมันได้ครับ”
การคัดเลือกนักแสดง
ภาพยนตร์พาไปยังโลกที่ไม่ค่อยมีคนพบเห็นมากนัก มันตรวจสอบความหลงใหลในดนตรีและเเรื่องเล่าความฝันที่สลายไปเชื่อมกับโลกของนักแสดงชื่อดังในบทผู้ใหญ่ ฌิราร์ได้ทำสิ่งที่น่าพอใจด้วยความรู้สึกที่พรั่งพรูของตนเอง และที่มากกว่านั้นคือการมุ่งมั่นแน่วแน่ต่อการทำหนังอินดี้
“ผมยังรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครทั้งหมดในบทภาพยนตร์ของเบน และชื่นชมความพยายามของนักแสดงที่มีความสามารถทั้ง ดัสติน ฮอฟแมน, คาธี่ เบทส์, เอ็ดดี้ ลิซซาร์ด, เดบร้า วิงเกอร์, เควิน แม็คเฮล และจอช ลูคัส พวกเขาทำให้ตัวละครมีชีวิต และทำให้เราได้โอกาสดูมันเติบโตในทิศทางใหม่” ฌิราร์ กล่าว “ผมขอบคุณนักแสดงเหล่านี้มากครับ”
เมื่อทีมนักแสดงชื่อดังชุดนี้ที่ได้รับรางวัลและรางวัลเกียรติยศมากมายเป็นตัวหลักของภาพยนตร์ ทำให้การค้นหานักแสดงเด็กใน Boychoir เป็นงานหนักมากขึ้น สำหรับสเต็ท และตัวละครคู่แข่งขันของเขา ทีมงานต้องวางแผนค้นหาทั่วโลก ได้รับคำแนะนำโดยผู้กำกับการคัดเลือกนักแสดง “จอห์น พาปซิเดร้า” การค้นหาสเต็ทไปสิ้นสุดที่เมืองลอสแองเจลิส ซึ่งทีมงานค้นพบเด็กชายอายุ 12 ปี ชื่อกาเร็ต แวริ่ง นักแสดงเด็กที่มีพื้นเพจากคอลเลค สเตชั่น รัฐเท็กซัส
“น่ากลัวเสมอเวลาแคสต์เด็กอายุ 12 ปี” ผู้กำกับยอมรับ “จากผลงานน้อยนิดที่ผ่านมา ดังนั้นคุณไม่มีหลักประกันอะไรนอกจากในห้องออดิชั่นเท่านั้นครับ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะมันสามารถเกิดความพลาดได้ แต่มันก็เห็นชัดแล้วว่าการ์เร็ตมีทักษะการแสดงสำคัญซึ่งเขาเหมาะสมสำหรับบทสเต็ทมาก เขาค้นหาเพื่อนในรุ่นเดียวกับเขา ผมประทับใจมากกับความเอาจริงเอาจังและวินัยของเขา ผมคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขาในฐานะนักแสดง”
การทำงานคืบหน้าไป ฌิราร์ก็ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับฮอฟแมนในการพัฒนาบทครูคาร์เวลล์ให้เป็นคนมีมิติลึกที่ขัดแย้งในจิตใจมนุษย์ โดยนักแสดงในตำนานผู้เคยชนะออสการ์สองครั้งกับเจ็ดการเข้าชิง ผู้รู้จักกันดีกับการดึงเอาความเปราะบางในจิตใจของตัวละครออกมา ถึงแม้ว่าคาร์เวลล์จะเป็นบุคคลมีอำนาจที่เข้ากันไม่ได้กับนักเรียนของเขา แต่เขาได้ทำให้ความกลัวและความเสียใจที่ถูกหลบซ่อนในใจของสเต็ทนั่นถูกเปิดเผยออกมา
“การทำงานกับดัสตินเริ่มต้นด้วยที่บทก่อน” ฌิราร์อธิบาย “พวกเราใช้เวลานานมากก่อนถ่ายทำ เราทำได้แค่อ่านบท,พูดคุยและดื่มชากันเท่านั้น เราเป็นเพื่อนกัน,สนับสนุนกัน และทุ่มเทกันมาก เขาเคยเป็นผู้กำกับด้วย ดังนั้นผมคิดว่าเขาจะเข้าใจ สำหรับความยากในบทนี้”
พวกเราเริ่มต้นวิเคราะห์ตัวละครในหลายแง่มุม “ดัสตินเริ่มต้นตั้งคำถามว่าทำไมเขาควรทำแบบนี้” ฌิราร์สังเกต “คาร์เรลล์เริ่มต้นตัวละครด้วยความแข็งกระด้าง เขาเป็นคนใจร้ายกับสเต็ท และเขาค่อนข้างเป็นศัตรูกับคนดู แต่ด้วยการแสดงของดัสติน ผมเชื่อเสมอว่าแม้เขาจะอยู่ในความแช็งกร้าวเขาก็ยังมีด้านที่น่ารักอยู่ด้วย คุณจะพบความรู้สึกอบอุ่มในหัวใจของดัสตินอยู่เสมอ และนั้นเป็นความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ของตัวละคร เขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งในทุกส่วนที่เขาปรากฎ”
เขายังเคยทำงานกับฮอฟแมนมาก่อนซึ่งฌิราร์เห็นว่าเรื่องนี้เป็นแนวใหม่ เรื่องนี้ค่อนข้างง่ายเป็นเรื่องของคุณครูหัวแข็งผู้มาให้โอกาสนักเรียนด้อยโอกาส มันกลายเป็นเรื่องเท่าเทียมกันของเด็กหนุ่มผู้จุดประกายต่อครูของเขาเพื่อให้ลองตรวจสอบชีวิตและค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเอวก่อนที่มันจะสายเกินไป
ไอเดียทั้งหมดเกิดจากคำพูดของเด็กชายที่กล่าวต่อครูว่า “นาฬิกาของคุณใกล้จะหมดแล้ว ตาแก่” ซึ่งเป็นสิ่งที่พัฒนากันในช่วงท้ายระหว่างดัสตินและตัวของผมเอง” ฌิราร์ อธิบาย “ดัสตินและผมพัฒนาความสนใจที่มากขึ้นเรื่อยๆในการพลิกกลับของเรื่องที่สเต็ทกระทำต่อครูคาร์เวลล์ ครูตั้งใจจะสอนเด็กอย่างชัดเจนแต่ครูกลับได้รับบทเรียนสวนกลับซะเอง ซึ่งเหมือนจะน่าสนใจมากกว่าด้วยซ้ำ จนตอนจบบางสิ่งในตัวครูคาร์เวลล์ได้เปลี่ยนไป”
เพลง
นักร้องมีความสามารถอยู่เต็มในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเพลงถูกขับร้องโดยจอช โกรแบน นักร้องเพลงคลาสสิกผู้กลายเป็นหนึ่งในนักดนตรีป๊อบสตาร์ผู้โด่งดังที่สุดในโลก เพลงแต่งโดยโกรแบน และประพันธ์โดยผู้ที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำ ไบรอัน เบร์น ผู้ผระพันธ์สกอร์ภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์อย่าง ALBERT NOBBS
แต่ภาพยนตร์ทั้งหมดเป็นดนตรีประสานเสียง ผู้ประพันธ์ระดับชั้นเซียนมักชอบแต่งผลงานแบบนี้ไว้ เพราะมันสัมผัสเข้าถึงความสูงส่งที่สวยงามของดนตรี และถึงแม้ว่าเสียงดนตรีแบบนี้จะเชื่อมโยงกลับไปหายุคกลางหรือยุคโบสถ์สมัยใหม่ แต่เสียงร้องเพลงแบบนี้ยังเป็นการคืนชีพที่ดีเยี่ยม และยังกลายเป็นรายกายเรียลิตี้ของรายการทีวีอีกด้วย
สำหรับฌิราร์เสียงขับร้องของมนุษย์ที่ถูกเปิดเผยจะเป็นสิ่งที่เหนือเกินธรรมดาอยู่เสมอ “ผมคิดว่าผู้คนรักการเล่นดนตรีคลาสสิก คล้าย โยโย มา (นักดนตรี) และ โจชัว เบลล์ เพราะพวกเขาได้ยินเสียงมนุษย์ในระหว่างเล่น” เขากล่าว “ตอนที่ผมกำกับวงโอเปร่า ตอนที่มีผมมีความสุขในตอนฝึกซ้อมคือตอนที่การแสดงคอรัสเริ่มขึ้นและพวกเขาพาตัวเองสิงไปสู่เสียงประสานจนทำให้น้ำตาผมไหลเลยทีเดียว มันเป็นพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ครับ”
เสียงขับร้องของ Boychoir ทำให้แก่นสำคัญข่องเรื่องพุ่งไปสู่จุดสูงสุด “ในขณะที่ผมเลือกเพลง ผมทำการค้นคว้าและฟังมากมาย และผมค้นหาความบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่องที่สัมผัสได้กับหัวใจของคุณ ผมต้องนั่งคุยกับเด็กๆบ่อยครั้งเพราะว่าผมจะได้รับความรู้สึก และรู้สึกตัวเองกลับไปเป็นเด็กด้วย ขณะที่คุณมีเด็กที่ไร้เดียงสาผสมกับนักประพันธ์ที่จับหัวใจคุณได้ มันไม่มีประสบการณ์อะไรที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว” ฌิราร์สรุป “ดังนั้นนี่เป็นแรงดลใจสำหรับภาพยนตร์เรื่อง BOYCHOIR ซึ่งเสียงที่บริสุทธิ์เหล่านี้จะงัดหัวใจของคุณเปิดเผยออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยครับ”