กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--ธนาคารธนชาต
นายฮิโตชิ โยโกฮาม่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ว่า “บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการกลับมาเปิดตลาดผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศ หลังจากไม่ได้เสนอขายให้กับผู้ลงทุนกลุ่มนี้มานานกว่า 2 ปี โดยเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนรวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.57% จำนวน 1,500 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.10% จำนวน 1,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ซึ่งบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์หลักที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้ในกิจการทั่วไป รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ และ/หรือหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด”
“หุ้นกู้ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น แม้ว่าจะมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ย และความมั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำให้ตลาดการลงทุนในประเทศไทยมีความผันผวนก็ตาม ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจของผู้ลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ โดยผู้ลงทุนได้แสดงความจำนงจองซื้อหุ้นกู้สูงถึง 2.7 เท่า ในช่วงการสำรวจความต้องการของตลาด (Bookbuild) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2558 และบริษัทสามารถออกหุ้นกู้โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดเท่าที่บริษัทฯ ได้เคยเสนอขายมา โดยกำหนดจะออกหุ้นกู้ในวันที่ 12 มีนาคม 2558” นายประเสริฐ ดีจงกิจ เจ้าหน้าที่บริหารชั้นรองผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายทุนธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าว
นายพูนลาภ ฉันทวงศ์วิริยะ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หุ้นกู้ของบริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “A-” เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งสะท้อนถึง ความแข็งแกร่งขึ้นจากการมีฐานเงินทุน ตลอดจนฐานะทางการเงิน และคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2551 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงประสบการณ์ของผู้บริหารและความสามารถในการรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตของบริษัทฯ ถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของบริษัทแม่ คือ ACOM Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทให้สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่น”