กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
ฟอร์ดขยายแผนการสัญจรอัจฉริยะในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส ที่กรุงบาร์เซโลนา พร้อมเผยโฉมจักรยานไฟฟ้าต้นแบบภายใต้โครงการ Handle on Mobility ที่ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นช่วยวางแผนการเดินทาง เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อระบบของจักรยานไฟฟ้าเข้ากับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะ สำหรับทั้งผู้สัญจรทั่วไปและผู้ที่ใช้งานในเชิงพาณิชย์
ฟอร์ดยังได้แสดงผล Info Cycle ซึ่งเป็นการคิดริเริ่มการรวบรวมข้อมูลแบบโอเพนซอร์ส เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้จักรยานในเมือง ไม่ว่าจะเป็นจักรยานไฟฟ้าหรือการใช้จักรยานแบบดั้งเดิม
แผนการสัญจรอัจฉริยะของฟอร์ดมุ่งในการปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางของผู้คนทั่วโลกให้ดีขึ้นด้วยนวัตกรรม การเชื่อมต่อการสื่อสาร การสัญจร นวัตกรรมยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ การสร้างประสบการณ์ความพึงพอใจของลูกค้าและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) เข้าด้วยกัน
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ขยายแผนการสัญจรอัจฉริยะด้วยการเปิดตัวโครงการทดลองใช้จักรยานไฟฟ้าร่วมกับรถยนต์และรถโดยสารสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วและง่ายดายกว่าเดิม ทั้งยังช่วยสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ในเมือง
โครงการทดลองดังกล่าวจะช่วยทดสอบแนวคิดการเดินทางเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าพร้อมรูปแบบการเดินทางที่ไม่ตายตัว และเพิ่มช่องทางการสื่อสารแบบหลายทิศทางเพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค
“ในการที่เราจะเปลี่ยนวิธีคิดได้นั้น ต้องอาศัยการร่วมมือกันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งภาคประชาชนและภาคเศรษฐกิจมีทางเลือกเสรีในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น” มร. บาร์บ ซาร์มาดิซ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ฟอร์ด ยุโรป กล่าว “แผนการสัญจรอัจฉริยะตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาระบบสัญจรอันชาญฉลาดเพื่อลดความกังวลในการเดินทางในเมืองที่วุ่นวายและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า”
ปัญหาการจราจรติดขัดและการต้องใช้เวลาเดินทางเป็นเวลานานนี้ ส่งผลทั้งกับภาคเศรษฐกิจและสังคมเมือง ในวงกว้าง คณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า การจราจรที่ติดขัดในสหภาพยุโรปคิดเป็นมูลค่าประมาณหนึ่งแสนล้านยูโรต่อปี* และจากการศึกษาของสำนักงานสถิติแห่งชาติแห่งสหราชอาณาจักรชี้ว่า ในทุกๆ นาทีของการจราจรที่ติดขัดอยู่บนท้องถนนจะมีผลต่อความวิตกกังวล ความสุข และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน**
โครงการ Handle on Mobility
โครงการดังกล่าวช่วยขยายสู่แนวทางการสัญจรอันหลากหลาย เพื่อการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย มีคุณภาพมากขึ้น และช่วยให้การเดินทางนั้นเสร็จสมบูรณ์โดยมีความเครียดและความวิตกกังวลน้อยลง
ในตอนเริ่มต้นโครงการทดลอง ฟอร์ดได้เชิญชวนให้พนักงานฟอร์ดจากทั่วโลกส่งการออกแบบจักรยานไฟฟ้าเข้าร่วม โดยจักรยานไฟฟ้าต้นแบบรุ่น MoDe:Me และ MoDe:Pro ซึ่งนำมาจัดแสดงในงาน เป็นผลงานการออกแบบที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ จากผลงานกว่า 100 แบบ
จักรยานไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้ ประกอบด้วยมอเตอร์กำลัง 200 วัตต์ และแบตเตอรี่ที่ให้กระเแสไฟ 9 แอมแปร์/ชั่วโมง ให้กำลังเสริมการปั่นที่ความเร็วสูงสุดถึง 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จักรยานไฟฟ้าต้นแบบนี้มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์หลังแบบอัลตราโซนิคซึ่งจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขี่จักรยานหากมีรถเข้าใกล้โดยฉับพลันด้วยการสั่นสะเทือนของแฮนด์จักรยาน พร้อมส่งสัญญานเตือนแก่ผู้ขับขี่รถที่เข้ามาใกล้ด้วยไฟส่องสว่างที่แฮนด์จักรยาน
จักรยานดังกล่าวสามารถพับเก็บเข้ารถยนต์ฟอร์ดได้อย่างง่ายดาย เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ขับขี่ในรูปแบบต่างๆ
จักรยานไฟฟ้ารุ่น MoDe:Me ได้รับการผลิตโดยความช่วยเหลือของบริษัท Dahon เน้นที่การเดินทางสัญจรของคนเมืองที่มีการจราจรติดขัด จักรยานนี้สามารถพับเก็บและกางออกมาใช้ได้ง่าย จึงสามารถใช้ขี่ไปจอดที่รอบนอกของเมืองหรือพาขึ้นรถโดยสารสาธารณะไปใจกลางเมืองแล้วขับขี่ต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
จักรยานไฟฟ้ารุ่น MoDe:Pro ได้รับการผลิตโดยทีมงานฟอร์ดเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ อาทิ สำหรับพนักงานส่งเอกสาร ช่างไฟฟ้า และผู้ทำงานด้านการส่งสินค้าต่างๆ จักรยานนี้ได้รับการออกแบบให้ พับเก็บได้ เพื่อเก็บไว้ในรถเชิงพาณิชย์อย่างปลอดภัย เช่นรถฟอร์ด ทรานซิส คอนเนค ซึ่งจะช่วยบรรทุก จักรยานไฟฟ้ามากกว่าหนึ่งคันไปยังที่ต่างๆ ได้
จักรยานไฟฟ้าต้นแบบรุ่น MoDe:Me และ MoDe:Pro จะทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า MoDe:Link ซึ่งใช้ได้กับโทรศัพท์ไอโฟน 6 ซึ่งข้อมูลแบบเรียลไทม์จากแอพพลิเคชั่น ทำให้จักรยานไฟฟ้ามีคุณสมบัติพิเศษดังนี้
เครื่องนำทาง (Navigation): แฮนด์แบบสั่นสะเทือนได้ช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่รู้ว่าจะต้องเลี้ยวรถเมื่อไหร่ และไฟเลี้ยวก็จะเปิดเองอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังช่วยระบุถนนสายที่เหมาะสำหรับการขับขี่จักรยาน รวมถึงเส้นทางอันตรายและป้ายเตือน ทั้งยังสามารถตรวจจับสัญญาณและสื่อสารกับรถคันอื่นๆ ได้อีกด้วย
เครื่องนำทางโหมดเอนกประสงค์และการวางแผนเส้นทางอัจฉริยะ (Multimodal navigation and smart routing): ที่ผนวกรวมแผนการเดินทางเข้ากับรถยนต์ส่วนบุคคลและระบบโดยสารสาธารณะ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกดูตามราคา เวลา หรือจำนวนผู้ขี่จักรยาน และแผนที่เส้นทางยังมี รายละเอียดเรื่องสภาพภูมิอากาศ ค่าที่จอดรถ และสถานีชาร์จไฟฟ้าไว้อีกด้วย
ข้อมูลความเร็วและความสะดวกสบาย: อัตราเร็วในการปั่นจักรยานฟฟ้าสามารถปรับได้ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือโหมด “ไร้เหงื่อ” (No Sweat) ช่วยส่งกำลังไฟฟ้าเสริมแรงปั่นเพื่อให้ผู้ขับขี่ปั่นจักรยานไปถึงจุดหมายได้แบบสดชื่นสบายตัว
เชื่อมต่อการสื่อสารกับ “ซิงค์”: ในระหว่างที่จักรยานไฟฟ้าถูกเก็บและชาร์จไฟในรถฟอร์ด เทคโนโลยี ซิงค์จะช่วยเชื่อมต่อระบบและช่วยให้แอพพลิเคชั่นนี้แสดงบนหน้าจอรถได้
เมื่อผู้ใช้งานใส่จุดหมายปลายทางลงบนแอพพลิเคชั่น MoDe:Link แล้ว แอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะแสดงเส้นทางสัญจรแบบต่างๆ พร้อมการเดินทางทีละขั้นตอน และทิศทางการเดินทางในทุกจุด ซึ่งอาจจะรวมถึงการขับรถไปสถานีรถไฟ การขี่จักรยานจากสถานีปลายทางต่อไปยังจุดหมายที่ต้องการ แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังช่วยอัพเดทเส้นทางใหม่เมื่อมีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น เช่น กรณีรถไฟถูกยกเลิก แอพพลิเคชั่นนี้ก็จะแนะนำให้ผู้โดยสารขับรถไปแทน
“การเดินทางในเมืองไปยังที่ต่างๆ นั้นมีหลากหลายวิธี แต่สิ่งที่เราต้องการคือทำอย่างไรที่จะเชื่อมต่อตัวเลือกการเดินทางต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน” มร. เคน วอชิงตัน รองประธานฝ่ายค้นคว้าและวิศวกรรมชั้นสูงของฟอร์ดกล่าว “การที่เราสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง รถไฟ และ จักรยานไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด และปรับเปลี่ยนการเดินทางตามสถานการณ์จราจรบนท้องถนนได้อย่างเหมาะสม จะส่งผลดีอย่างมากทั้งกับผู้เดินทาง และผู้ทำงานด้านขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ รวมไปถึงด้านสาธารณสุขได้อีกด้วย”
การทดลอง Info Cycle
นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดได้แสดงผลการทดลอง Info Cycleในงานโมบายเวิลด์คองเกรสนี้ แนวทางการทดลองแบบโอเพนซอร์สสำหรับโครงการนี้ ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับการขับขี่จักรยานในสภาพเมืองที่แตกต่างกัน โดยโครงการดังกล่าวได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้าใจระบบนิเวศน์ของการขับขี่จักรยาน และเพื่อปรับปรุงในด้านความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ พร้อมค้นคว้าและปรับปรุงด้านการวางแผนเส้นทาง ควบคู่ไปกับการให้บริการอื่นๆ ตามลักษณะของแต่ละชุมชน นอกจากนี้ ที่ตัวถังจักรยานจะมีกล่องเซ็นเซอร์ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆ อาทิ ความเร็วล้อ อัตราเร่ง สภาพอากาศ และระดับความสูงอีกด้วย