กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้ารายใหญ่ของประเทศในสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง ตลอดจน ความหลากหลายของสินค้าและตราสัญลักษณ์ รวมถึงห่วงโซ่อุปทานภายในเครือสหพัฒน์ และการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงนโยบายด้านการเงินที่ระมัดระวังและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง ตลอดจนเศรษฐกิจที่ซบเซาซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และความท้าทายในการฟื้นความนิยมในตราสินค้า แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์หลักเอาไว้ได้และสามารถสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นเพื่อคงอันดับเครดิตปัจจุบันไว้
ความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นของอันดับเครดิตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ามีจำกัดเมื่อพิจารณาจากการขาดปัจจัยเกื้อหนุนทางการเติบโตที่แข็งแกร่งท่ามกลางความกดดันจากการแข่งขันและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอ ในขณะที่ความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทมาจากการทำกำไรที่ลดลงกว่าที่คาดไว้เป็นระยะเวลานานและการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปเป็นการก่อหนี้เชิงรุก
บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อตั้งในปี 2507 เพื่อเป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นของเครือบริษัทสหพัฒน์ บริษัทเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เสื้อผ้าบุรุษ และเครื่องสำอาง ด้วยตราสัญลักษณ์สินค้าทั้งจากต่างประเทศและของบริษัทเองมากกว่า 80 ตรา ตราสัญลักษณ์จากต่างประเทศที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ได้แก่ Wacoal, Arrow, Lacoste, Daks, Guy Laroche และ ELLE สร้างรายได้ในสัดส่วน 67% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2557 สินค้าของบริษัทมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ และร้านค้าของบริษัทกว่า 3,700 แห่งทั่วประเทศ
สถานะทางธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่งโดยได้รับแรงหนุนจากความหลากหลายของสินค้าและสถานะทางการแข่งขันที่เข้มแข็งในตลาดสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง ประสบการณ์ที่ยาวนานในการกระจายสินค้าแฟชั่นและความร่วมมือที่ดีจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าและผู้จัดหาภายในเครือสหพัฒน์เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทยังคงรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน ในอนาคต บริษัทจะมุ่งเน้นในการจัดโครงสร้างกระบวนการภายใน เช่น การปรับขั้นตอนการผลิตและลดกระบวนการซ้ำซ้อนในการขนส่งเพื่อสร้างประสิทธิภาพและลดสินค้าคงคลัง บริษัทกำลังพัฒนาช่องทางการขายผ่านทางออนไลน์และขยายสู่ตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน ปัจจุบันบริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงตราสินค้าให้มีความทันสมัยและการออกแผนทางการตลาดที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และการทำกำไรของบริษัท
ในปี 2557 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบในทางลบจากความไม่สงบทางการเมือง ถึงแม้การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจะค่อนข้างคงที่ที่ระดับ 0.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แต่ดัชนีค้าปลีกลดลงถึง 6% ตลาดเครื่องแต่งกายบุรุษและชุดชั้นในสตรีได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง โดยตลาดทั้ง 2 ประเภทหดตัวประมาณ 13% และ 9% จากปีก่อนตามลำดับ แม้แต่ตลาดเครื่องสำอางที่เคยเสถียรท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจก็ยังอ่อนตัวลงประมาณ 3% จากปีก่อน เมื่อพิจารณาจากภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงแล้ว คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2558 จะกลับมาเติบโตในอัตราปานกลาง โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประมาณการณ์ว่าการบริโภคภาคเอกชนจะเติบโตในอัตรา 2.9% ในปี 2558
“Wacoal” เป็นตราสัญลักษณ์หลักของสินค้าชุดชั้นในสตรีของบริษัทและยังคงเป็นตราสินค้าชั้นนำในตลาดชุดชั้นในสตรีที่จำหน่ายผ่านทางห้างสรรพสินค้า โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 50% ในปี 2557 กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในสตรีของบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งสิ้นเกือบ 60% ในตลาดระดับกลางถึงบน บริษัทคงสถานะทางการแข่งขันในตลาดเครื่องแต่งกายบุรุษและเครื่องสำอางเอาไว้ได้โดยได้รับแรงหนุนจากตราสัญลักษณ์ที่แข็งแกร่งของตราสินค้า "Arrow" และ "Lacoste" ในตลาดเครื่องแต่งกายบุรุษ และ "บีเอสซี คอสเมโทโลจี” ในตลาดเครื่องสำอาง
รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 12,033 ล้านบาทในปี 2557 ลดลง 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน สินค้าหลักที่สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้แก่บริษัท คือ ชุดชั้นในสตรี (28%) เครื่องแต่งกายบุรุษ (27%) และเครื่องสำอาง (12%) อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของรายได้จากการขาย) อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 5% ลดลงมาอยู่ที่ 3% ในปี 2556 และที่ 2.4% ในปี 2557 จากภาระค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูง
ในช่วงปี 2558-2560 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตประมาณ 5% ต่อปี โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจจะมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวแต่ยังคงได้รับแรงกดดันจากภาระหนี้ของภาคครัวเรือนที่สูงอยู่ โอกาสในการเติบโตอาจจะมาจากการขยายไปยังตลาดต่างประเทศและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อพิจารณาจากความพยายามในปรับขั้นตอนการผลิต ตลอดจนการจัดการสินค้าคงคลัง และความพยายามในการลดต้นทุนแล้ว คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4%-5% ในระยะปานกลาง
ภาระหนี้ของบริษัทเกิดจากภาระค้ำประกันให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2557 จากการเข้าไปช่วยเหลือ บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเครือข่ายร้านขายยาและสินค้าเพื่อความงามของกลุ่มสหพัฒน์ โดยบริษัทได้ลงทุน 15% ในหุ้นของบริษัทซูรูฮะ ในระยะปานกลางทริสเรทติ้งคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในโครงสร้างทางการเงินของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทเองก็ยังคงนโยบายการเป็นบริษัทปลอดภาระหนี้ด้วย บริษัทวางแผนลงทุนไว้ประมาณ 950 ล้านบาทสำหรับช่วงระหว่างปี 2558-2560 เพื่อใช้ตกแต่งและขยายร้านค้า รวมทั้งก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่
ในปี 2557 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทลูกแห่งใหม่ คือ บริษัท ดับเบิ้ลยู บี อาร์ อี จำกัด ซึ่งทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทวางเป้าหมายที่จะสร้างประโยชน์จากสินทรัพย์ที่ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ โครงการแรกของบริษัทดับเบิ้ลยู บี อาร์ อี เป็นโครงการพัฒนาทาวน์เฮาส์ประมาณ 230 หลัง ในทำเลใกล้กับสวนอุตสาหกรรมของเครือสหพัฒน์ในจังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 450 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะไม่มีการก่อหนี้เพิ่มจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทจะค่อย ๆ รับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และจะใช้เงินทุนที่ได้จากธุรกิจนี้หมุนเวียนเป็นเงินทุนในการก่อสร้างโครงการในส่วนต่อไป อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า อุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันสูงและมีความเสี่ยงสูงกว่าอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค การขยายแบบเชิงรุกในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลในทางลบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทได้
บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอโดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายด้านการเงินที่ระมัดระวังและสถานะปลอดภาระหนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 736 ล้านบาทในปี 2557 เปรียบเทียบกับที่ระดับประมาณ 900 ล้านบาทต่อปีในช่วง 2553-2556 คาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วงปี 2558-2560 จะอยู่ในช่วง 800-1,000 ล้านบาทต่อปี ทริสเรทติ้งคาดว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งในช่วงระยะปานกลางเพราะธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัททำอยู่ยังมีขนาดเล็ก
บริษัทและบริษัทอื่น ๆ ในเครือสหพัฒน์มีโครงสร้างการถือหุ้นที่ไขว้กันอย่างค่อนข้างซับซ้อน แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าการทำธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทในเครือสหพัฒน์จะเป็นไปตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (ICC)
อันดับเครดิตองค์กร: AA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable