กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค
ในภาพ: ตัวแทนจากองค์กรกีฬาญี่ปุ่น Japan Sports Communications ผู้อำนวยการ ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านพรานเหมือน อุดรธานีถ่ายภาพร่วมกันอย่างสนุกสนานในงาน “อุนโดกัย” หรือ วันกีฬา กิจกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น โดยงานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Sport For Tomorrow’ ที่ริเริ่มในประเทศญี่ปุ่น
เมื่อเร็วๆ นี้ โรงเรียนบ้านพรานเหมือน จ. อุดรธานี ร่วมกับ JAPAN SPORT COUNCIL และ Japan Sports Communications ได้จัดงาน “อุนโดกัย” (วันกีฬา) ขึ้น โดยมี นักเรียน ครูและผู้ปกครองกว่า 300 คน เข้าร่วมกิจกรรมหลากหลายชนิด กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด Sport for Tomorrow ซึ่งเป็นโครงการกีฬาที่รัฐบาลญี่ปุ่นจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศ ผ่านองค์กรดังกล่าวโดยไม่ได้มุ่งเพียงแค่จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการกีฬาเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างและพัฒนาสุขภาพพลานามัยของเด็กนักเรียนอีกด้วย ซึ่งเป็นความทุ่มเทของรัฐบาลญี่ปุ่นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาในการที่จะส่งเสริมค่านิยมในการออกกำลังกายให้แก่เด็กและเยาวชนทั่วโลก
กิจกรรม “อุนโดกัย” ที่โรงเรียนบ้านพรานเหมือน อุดรธานี ประกอบด้วยเกมส์ที่หลากหลาย อาทิ ชักคะเย่อ วิ่งผลัด เกมลูกบอลยักษ์ ซึ่งเป็นเกมส์ที่แพร่หลายในหมู่นักเรียนในญี่ปุ่น
ในโอกาสนี้ มร. ทากุมิ กิชิ ผู้จัดการโครงการ/เลขาธิการส่วนงานวางแผนและพัฒนาสมาพันธ์ Sport for Tomorrow กล่าวว่า
“โครงการ Sport for Tomorrow นี้ เป็นโครงการที่รัฐบาลญี่ปุ่นจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการกีฬา และประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในหลายๆ ประเทศทั่วโลก นี่เป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่เราจัดงานอุนโดกัยขึ้นในประเทศไทย เราเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะส่งเสริมและผลักดันให้เกิดความร่วมมือและพัฒนาต่อไปในระดับสากล”
ด้วยความร่วมมือและเห็นชอบของมูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา หรือ EDF ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร (NGO) ในท้องที่ทำให้โรงเรียนบ้านพรานเหมือนได้รับคัดเลือกสำหรับจัดงานในครั้งนี้
“ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่โรงเรียนบ้านพรานเหมือนและนักเรียนของเราได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย JAPAN SPORT COUNCIL และ Japan Sports Communications ในครั้งนี้ สิ่งที่น่าประทับใจของกิจกรรม ‘อุนโดกัย’ คือ ใครจะร่วมกิจกรรมก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง หรือครู จุดนี้ช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากทุกคน ผมยังเชื่ออีกว่าทุกคนในที่นี้รู้สึกยินดีที่มีโอกาสร่วมกิจกรรมการละเล่นต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น อย่างเช่น เกมส์กลิ้งบอลยักษ์ ซึ่งจุดประสงค์หลักของกิจกรรม คือ ส่งเสริมสุขภาพและความร่วมแรงร่วมใจ ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันเอาแพ้เอาชนะ สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ งานนี้ช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น พร้อมช่วยสานสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างเด็กกับผู้ปกครองผ่านการเล่นเกมส์ต่างๆ ร่วมกันอีกด้วย” อาจารย์ศักดิ์ศรี สินนอก ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพรานเหมือนกล่าว
Japan Sports Communications จัด “อุนโดกัย” (วันกีฬา) เพื่อเป็นกิจกรรมที่นักเรียนโรงเรียนบ้านพรานเหมือน ครูและผู้ปกครองได้มีประสบการณ์กับกีฬาและกิจกรรมที่เป็นการละเล่นเฉพาะของประเทศญี่ปุ่นและกิจกรรมกีฬาสากลร่วมกัน อาทิ เกมส์กลิ้งบอลยักษ์ ชักเย่อ ฮูลาฮูป และอื่นๆ อีกมากมาย นักเรียนทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 4 ทีม คือทีมสีแดง ทีมสีน้ำเงิน ทีมสีชมพูและทีมสีเขียว โดยมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นกว่า 300 คน ทั้งในระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น เข้าร่วมแข่งขันกับบรรดาครูและผู้ปกครองที่มาร่วมงาน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ทีมที่ชนะเลิศ คือ ทีมสีชมพู รองอันดับหนึ่ง คือ ทีมสีน้ำเงิน ตามมาด้วยทีมสีแดงและสีเขียวตามลำดับ
นายทากาอากิ โยเนจิ ประธาน Japan Sports Communications ผู้จัดงานอุนโดกัยกล่าวว่า “กิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยความร่วมมือของโรงเรียนบ้านพรานเหมือน ขั้นต่อไป เราวางแผนที่จะขยายการจัดงานนี้ออกไปยังโรงเรียนอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงชุมชนต่างๆ ในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้นี้”
กิจกรรมตลอดหนึ่งวันเต็มนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากเหล่านักเรียนโรงเรียนบ้านพรานเหมือน นายวุฒิชัย อินทรสงเคราะห์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง กล่าวว่า “ผมชอบแข่งชักเย่อครับ เพื่อนในทีมทุกคนก็ชอบมากๆ เหมือนกัน ผมรักการเล่นกีฬา และฝันไว้ว่า สักวันหนึ่งผมจะเป็นนักเตะแข้งทองอย่างโรนัลโด้ครับ”
ดช. ศิริชัย สระอุบล อายุ 8 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สอง กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ผมชอบกิจกรรมวันนี้มากเลยครับ โดยเฉพาะตอนเล่นแข่งกลิ้งบอลยักษ์ ผมว่างานนี้พิเศษตรงที่เรามีโอกาสได้เล่นกีฬาได้หลายอย่างในวันเดียวกัน แถมได้ออกกำลังกายและเล่นกับเพื่อนๆ ได้พร้อมกันหลายคนเลยครับ”