กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
วันที่ 9 มีนาคม 2558 บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สัญญา 2 ช่วงสนามไชย – ท่าพระ ได้เริ่มขุดเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอุโมงค์ที่ 2 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์ “เจ้าพระยา” ณ ไซด์งานก่อสร้างอุโมงค์แบบขุดเปิดและถมกลับ ใกล้สี่แยกท่าพระ (Cut and Cover Tunnel) สำหรับหัวเจาะอุโมงค์ "เจ้าพระยา" ได้นำมาใช้ขุดเจาะอุโมงค์ มีสมรรถภาพในการขุดเจาะเฉลี่ยวันละ 14 เมตร หรือเดือนละ 350 เมตร ดำเนินการขุดเจาะที่ระดับความลึกสูงสุด 40 เมตร ซึ่งจะเริ่มขุดเจาะ จากสถานีท่าพระไปยังสถานีอิสรภาพ และลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และสิ้นสุดที่สถานีสนามไชย รวมระยะทาง 2.6 กิโลเมตร ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในส่วนของ ช.การช่างนั้น ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้ว 68 % อุโมงค์แรกได้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2557 และคาดว่าอุโมงค์ที่สองจะแล้วเสร็จในปลายปี 2558 ซึ่งเป็นไปตามแผนการณ์ที่วางไว้ ในส่วนของสัญญาก่อสร้างอื่นๆ ทางรฟม. ได้มีการเร่งรัดการก่อสร้างเพื่อให้เปิดให้บริการให้กับประชาชนได้อย่างเร็วที่สุด
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างสูงที่ท่านนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดเดินเครื่องหัวเจาะในวันนี้ เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนั้นเป็นโครงการที่สำคัญของ ช.การช่าง ซึ่งนอกจากจะเป็นโครงการที่ทำให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลครบเป็นวงกลมแล้วนั้น ยังเป็นโครงการที่มีความซับซ้อนในการก่อสร้าง และต้องใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมขั้นสูง และเป็นอุโมงค์รถไฟฟ้าเส้นแรกของประเทศไทยที่มีการขุดเจาะลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา โดย ช.การช่าง ซึ่งดำเนินการโดยบุคลากรคนไทยเป็นหลัก ได้ขุดเจาะอุโมงค์แรกแล้วเสร็จตามกำหนด
นายปลิว เปิดเผยต่อว่า ในส่วนของสัมปทานการเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแคและสนามไชย-ท่าพระ ที่มีกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2560 รวมถึงสัมปทานการเดินรถของรถไฟฟ้าสายม่วงช่วงเตาปูน-บางซื่อซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2559 นั้น รัฐบาลได้เห็นชอบในหลักการที่จะเจรจากับ บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ถือเป็นข่าวที่น่ายินดีเพราะ BMCL เป็นผู้เดินรถในส่วนแรก ซึ่งจะทำให้ระบบทั้งหมดมีการต่อเชื่อมอย่างมีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนขบวนรถ และที่สำคัญที่สุดยังสามารถประหยัดต้นทุนค่าดำเนินการให้แก่ภาครัฐได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทเชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งรัดให้ รฟม. และคณะกรรมการร่วมลงทุนดำเนินการเจรจาให้แล้วเสร็จอย่างเร็วที่สุด เพื่อจะหาผู้เดินรถไฟฟ้าได้ทันกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และประเทศชาติ
ในส่วนของ ช.การช่าง ซึ่งประกาศผลประกอบการของปี 2557 ไปแล้ว ถือว่าผลประกอบการดีกว่าที่คาดหมาย โดยมีรายได้รวม 35,470 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,296 ล้านบาท และในไตรมาส ที่ 1 ปี 2558 นั้น บริษัทมี Backlog กว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ก่อสร้างประมาณ 8,000 ล้านบาท และรักษากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 8-10% ส่วนงานในอนาคต บริษัทได้
เตรียมความพร้อมที่จะเข้าประมูลในโครงการรถไฟฟ้าทุกเส้น ทั้งในรูปแบบรับจ้างก่อสร้างหรือลงทุนแบบ PPP ตามนโนบายของภาครัฐ รวมไปถึงโครงการรถไฟทางคู่ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปในการร่วมลงทุนกับประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทสามารถใช้ศักยภาพของ ช.การช่าง เป็นทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ลงทุนได้ด้วยและพร้อมเปิดกว้างจะรับพันธมิตรจากประเทศจีนและญี่ปุ่น ในกรณีที่ต้องเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างสองประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาสที่ 1 นี้ นอกจากนี้การควบรวมบริษัท BECL และ BMCL เป็นไปด้วยดี ซึ่งบริษัทใหม่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สามารถร่วมลงทุนกับ ช.การช่างได้อีกด้วย