กรุงเทพ--12 ก.ย.--มหาวิทยาลัยรังสิต
"การก้าวล่วงความเป็นอยู่ส่วนตัวของประชาชนโดยสื่อมวลชนนั้น ได้มีการเสนอกันในวงวิชาการสื่อมวลชนว่า เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาระหว่างสิทธิในการรับรู้ของสาธารณชน (right to know) กับสิทธิส่วนบุคคล ( right to privacy ) อยู่ที่ประโยชน์ของสาธารณชนเป็นหลัก"
อาจารย์กฤษณ์ ทองเลิศ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า หากสื่อมวลชนนำเสนอเรื่องราวใดอันเป็นการก้าวล่วงความเป็นอยู่ส่วนบุคคลของผู้ใดก็ตามแต่ผลการนำเสนอเช่นนั้น ก่อให้เกิดผลดีหรือก่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน สื่อมวลชนก็ควรจะนำเสนอเรื่องราวนั้น เพราะโดยเป้าหมายของสถาบันสื่อมวลชนนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งสาธารณชนแต่ทว่าหากเรื่องราวใด เป็นการก้าวล่วงสิทธิบุคคล และผลจากการนำเสนอของสื่อมวลชนนั้นสาธารณชนไม่ได้รับประโยชน์ ขณะเดียวกันทำให้ผู้ตกเป็นข่าวสูญเสียสิทธิความเป็นอยู่ส่วนบุคคลหรือก่อให้เกิดความเสียหายในทางใดๆ เช่นนี้ ถือว่าสื่อมวลชนทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ขัดต่อจริยธรรมสื่อมวลชน (เราไม่ควรให้การสนับสนุนสื่อมวลชนอย่างหลังนี้)
หนทางที่ยกระดับมาตรฐานการทำหน้าที่รายงานข่าวสารของสื่อมวลชนก็คือการสร้างจิตสำนึกในวิชาชีพให้มีจริยธรรม และจรรยาบรรณเป็นเข็มทิศ ในการดำเนินงาน ขณะเดียวกันประชาชนผู้อ่านเช่นเราท่านทั้งหลายควรต้องแสดงออกบางประการต่อสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่เกินขอบเขตของความพอดี เช่นอาจโทรศัพท์ร้องทุกข์ต่อกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ อาจเขียนจดหมายไปถึงคอลัมนิสต์ หรือถ้าพูดก็แล้วเขียนก็แล้วสื่อมวลชนนั้นไม่ค่อยรู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก็อาจเลิกเป็นสมาชิกหรือเลิกเปิดรับซะเลยทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เหลือไว้เฉพาะสื่อมวลชนที่มีคุณภาพ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตทางปัญญาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยในช่วงเวลานี้
หากวันหนึ่งเราพบว่า มีสื่อมวลชนไทยบางสื่อได้ทำหน้าที่รายงานข่าวสารชักจูงใจ ให้ความรู้หรือให้ความบันเทิงที่เกินพอดี หรือ เกินขอบเขตที่ควรจะเป็น เราสามารถช่วยกันแก้ไขได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังที่กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้สื่อมวลชนไทยมีคุณภาพที่ควบคุมกับการพัฒนาสติปัญญาของคนในชาติต่อไป
สำนักงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต เมืองเอก ปทุมธานี 12000 โทร.997-2222 ตอ่ 1210-1211 , 1275 โทรสาร 533-9470 หรือ 997-2222 ต่อ 1209--จบ--