กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ เนื่องจากการจัดโครงสร้างส่วนราชการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ผ่านมา ได้แยกงานด้านนโยบาย ด้านวิชาการ และด้านการปฏิบัติในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ออกจากกัน ทำให้เกิดปัญหาความซับซ้อนในการปฏิบัติงานและส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน จึงสมควรปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการขึ้นใหม่ โดยรวมงานด้านนโยบาย ด้านวิชาการ และด้านการปฏิบัติของกลุ่มเป้าหมายเดียวกันให้อยู่ในส่วนราชการเดียวกัน เพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมาย และทิศทางการปฏิบัติงานของส่วนราชการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน รวมทั้งเป็นการประหยัดทรัพยากรภาครัฐให้มากยิ่งขึ้น
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า พระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ กำหนดให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯมีส่วนราชการจำนวน ๕ กรม ๒ หน่วยงาน คือ สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กรมกิจการเด็กและเยาวชนกรมกิจการผู้สูงอายุ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ จะทำให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวก ราบรื่น และขอเน้นย้ำว่า บริการที่มีให้แก่ประชาชนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะต้องไม่สะดุดหรือมีปัญหา จากการปรับโครงสร้างใหม่ของกระทรวงฯ จะไม่มีข้ออ้างใดๆระหว่างการเปลี่ยนผ่านโครงสร้าง การบริการให้ประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเรียบร้อย รวมทั้งเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ
“ในส่วนของบ้านพักเด็กและครอบครัว ที่องค์กรภาคเอกชนวิตกว่าจะถูกยุบเลิกนั้น ขอเรียนให้สบายใจได้ว่า บ้านพักเด็กและครอบครัว จากเดิมสังกัดอยู่ที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะย้ายมาอยู่ในสังกัดกรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อให้การทำงานเชิงนโยบายและปฏิบัติขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน” นายวิเชียร กล่าวท้าย