กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) ผนึกกำลังกับบริษัทจากญี่ปุ่นบุกกัมพูชา ร่วมลงทุนจัดตั้ง บริษัท NHK SPRING (CAMBODIA) CO., LTD. เพื่อผลิตชิ้นส่วนสำหรับผลิตเบาะรถยนต์เสริมยอดขายในอนาคต คาดแล้วเสร็จเดือนเมษายน 2559
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2558 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 มีมติอนุมัติให้ร่วมลงทุนกับบริษัทเอ็นเอชเค สปริง จำกัด (ประเทศไทย) จัดตั้งบริษัท NHK SPRING (CAMBODIA) CO., LTD. โดยมีทุนจดทะเบียนประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ Sewing part ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญสำหรับการผลิตเบาะรถยนต์
“ สำหรับวัตถุประสงค์ของการตั้งบริษัท NHK SPRING (CAMBODIA) CO., LTD. เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย sewing cover ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตเบาะรถยนต์ โดยเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้วในประเทศไทย สำหรับบริษัทดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 23,520 ตารางเมตร” นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวต่อว่า คาดว่าบริษัทดังกล่าวจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปี โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน 2558 นี้ และจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2559 สำหรับการขยายธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มยอดขาย และสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้อนาคตอย่างแน่นอนสำหรับบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,658,000 ดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 365,800 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 120,000,000 บาท หรือมูลค่าหุ้นละ 328.05 บาทโดยประมาณ มูลค่าดังกล่าวคำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.81 บาท สัดส่วนการลงทุนของ CWT อยู่ที่ 91,450 หุ้น หรือ 30,000,000 บาทโดย ประมาณ คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนเท่ากับร้อยละ 25 ของทุนชำระแล้วทั้งหมด ขณะที่บริษัท เอ็นเอชเค สปริง จำกัด (ประเทศไทย) ลงทุน 274,350 หุ้น หรือ 90,000,000 บาท โดยประมาณ คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนเท่ากับร้อยละ 75 ของทุนชำระแล้วทั้งหมด
“ ด้านผลการดำเนินงานปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 28.16 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีผลขาดทุน 19.78 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 917.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 904.93 ล้านบาท เนื่องจากยอดผลิตรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่มีต้นทุนขายและบริการลดลงอยู่ที่ 791.69 ล้านบาท คิดเป็น 84.36% ของรายได้จากการขายและบริการ จากปีก่อนซึ่งเท่ากับ 800.00 ล้านบาท” นายวีระพล กล่าว