กรุงเทพ--15 ม.ค.--ปตท.
ตามที่ ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายและพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ได้เสนอแนะให้มีการเจรจา กรณีการซื้อขายน้ำมันเตาระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และปตท. เพื่อให้ราคาน้ำมันเตาถูกลง อันจะส่งผลต่อค่าไฟฟ้าลดลงไปด้วยนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ปตท.น้ำมัน การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เปิดเผยถึงรายละเอียดว่า สัญญาการซื้อขายน้ำมันเตา ระหว่าง ปตท.กับ กฟผ. เป็นสัญญาที่เกิดขึ้นมาจากการประมูลแข่งขันอย่างเสรี ในปี 2540 มิได้เป็นการผูกขาด และเป็นราคาที่ตลาดกำหนดขึ้นจากการประมูล มิใช่เป็นราคาที่ ปตท.กำหนดขึ้นเอง ดังนั้นในกรณีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงราคาตามสัญญา เนื้อน้ำมันเตาจากการคิดแบบราคานำเข้า (ราคาสิงคโปร์ + ค่าขนส่ง + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ) เป็นแบบราคาส่งออก (ราคาสิงคโปร์) นั้น ปตท. ได้พยายามเจรจากับทางโรงกลั่นหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะโรงกลั่นประสบภาวะขาดทุนจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และน้ำมันเตาเกือบทั้งหมดใช้ในประเทศมีเพียงส่วนน้อยที่ส่งออก อย่างไรก็ตามเพื่อให้การเจรจามีความคืบหน้าและประสบผลสำเร็จ ปตท.จึงขอความร่วมมือจาก ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายและพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ให้ร่วมเจรจาแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในฐานะที่ สพช.มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและกำหนดนโยบายพลังงานของชาติ อีกทั้งยังเป็นกรรมการในบริษัทโรงกลั่นบางบริษัท ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้การเจรจาประสบผลสำเร็จและส่งผลให้สามารถลดราคาน้ำมันเตาลงได้
ผู้จัดการใหญ่ ปตท.น้ำมัน กล่าวต่อไปว่า ในช่วงปี 2541 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์ได้มีการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องประกอบกับค่าเงินบาทได้แข็งตัวขึ้น ส่งผลให้สัญญาซื้อขายน้ำมันเตาระหว่าง กฟผ. กับ ปตท. ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน กล่าวคือทำให้ กฟผ. สามารถซื้อน้ำมันเตาจากปตท.ลดลงประมาณ 2.20 บาท/ลิตร (เทียบราคาปลายปี 2540 กับปลายปี 2541) หรือประมาณ 40% คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ส่งผลให้มีการปรับลดค่าไฟฟ้าลงไปบ้างแล้ว
สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อโทร. 537-2537,2568 โทรสาร 537-2571--จบ--