กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
KTIS แจงเหตุรายงาน ก.ล.ต.ของ “ซูมิโตโม” เป็นเพียงการแจ้งพ้นจากนิยามบุคคลตามมาตรา 258 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ แต่จำนวนหุ้น KTIS ผ่าน 3SH ไม่ได้ลด ตัวแทนซูมิโตโมยืนยันลงทุนระยะยาวเพื่อร่วมผลักดัน KTIS เติบโตอย่างมั่นคง มั่นใจมีศักยภาพสูงทั้งในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ด้านบอร์ด KTIS โชว์ความโปร่งใส เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 10 หุ้น จัดสรรให้กับ 3SH เพื่อให้สัดส่วนการถือหุ้นครบ 25% ตามที่แจ้งไว้ในหนังสือชี้ชวนก่อนเข้าตลาดหุ้น พร้อมขอยกเว้นไม่ต้องทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรายงานของซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น เกี่ยวกับหุ้น KTIS นั้น ขอเรียนว่า การรายงานดังกล่าวไม่ใช่รายงานการขายหุ้น KTIS ของซูมิโตโมฯ เป็นเพียงการรายงานว่าซูมิโตโมฯ ได้พ้นจากการเป็นบุคคลตามมาตรา 258 ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พ.ศ.2535 แต่ปัจจุบันซูมิโมโตฯ ยังคงถือหุ้น KTIS ผ่าน 3SH ในจำนวนเท่าเดิม ไม่ได้มีการขายออกแต่อย่างใด
“ที่ผ่านมา กลุ่มซูมิโตโมลงทุนใน KTIS ผ่าน 3SH ซึ่งเป็นกิจการที่มีผู้ลงทุนร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย บริษัท หทัยจรูญเอกโฮลดิ้ง จำกัด ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และ นิสชิน ชูการ์ แต่ในระหว่างการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของ 3SH ซูมิโตโมมีการถือหุ้นในสัดส่วนเกิน 30% ซึ่งเข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ตามมาตรา 258 ซึ่งต่อมา มีการปรับโครงสร้าง 3SH ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงที่ทำไว้ก่อนเข้าตลาดหุ้น โดยบริษัทหทัยจรูญฯ มีการเพิ่มทุน ทำให้สัดส่วนของซูมิโตโมลดลงต่ำกว่า 30% ทำให้หมายถึงไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลตามมาตรา 258 อีกต่อไป การรายงานข้อมูลต่อสำนักงาน ก.ล.ต. จึงเป็นการชี้แจงประเด็นนี้ โดยที่ซูมิโตโมไม่ได้ขายหุ้น KTIS แต่อย่างใด”
นายชุนซึเกะ ซีจิยามะ ตัวแทนของกลุ่มซูมิโตโมฯ ที่เข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ KTIS กล่าวว่า ตามสัญญาร่วมลงทุนในบริษัท 3 เอส โฮลดิ้ง จำกัด (3SH) ของซูมิโตโมฯ นิสชิน ชูการ์ และนางหทัย ศิริวิริยะกุล ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปว่า สัดส่วนการถือหุ้น KTIS ของ 3SH จะอยู่ที่ 25% ซึ่งทางซูมิโตโมฯ ยืนยันว่าการลงทุนใน KTIS ผ่าน 3SH เป็นการลงทุนในลักษณะของพันธมิตรทางกลยุทธ์ธุรกิจ (Strategic Partner) จึงเป็นการลงทุนระยะยาว เพราะกลุ่มซูมิโตโมมั่นใจในศักยภาพของ KTIS ว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อีกมาก เพราะเป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับชาวไร่อ้อย มีความมั่นคงทางวัตถุดิบ และควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี เมื่อมารวมกับจุดแข็งของกลุ่มซูมิโตโมฯ ซึ่งมีความชำนาญด้านการตลาดและเครือข่ายลูกค้าชั้นนำทั่วโลก และจุดแข็งของนิสชิน ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตน้ำตาลคุณภาพสูงของประเทศญี่ปุ่น จะส่งเสริมให้ KTIS ก้าวสู่ความเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกได้
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน 3SH ถือหุ้น KTIS อยู่ 24.99% ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามที่ได้แจ้งในหนังสือชี้ชวนว่า สัดส่วนการถือหุ้นของ 3SH จะอยู่ที่ 25% คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 10 หุ้น คิดเป็น 0.00% ของทุนจดทะเบียน เพื่อจัดสรรให้กับ 3SH ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 25% ซึ่งจะเข้าข่ายจะต้องจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) เพื่อรับซื้อคืนหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่วัตถุประสงค์ของการเข้าถือหุ้น 25% ครั้งนี้ 3SH แจ้งว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อครอบงำกิจการ เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการถือหุ้นเท่านั้น จึงได้ยื่นขอยกเว้นการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์คืนจากนักลงทุนรายย่อย (ไวท์วอช) ซึ่ง KTIS จะดำเนินการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมวันที่ 23 เมษายน 2558 เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งในวาระนี้ 3SH จะไม่มีสิทธิ์ออกเสียง
“การที่ KTIS มีกลุ่มซูมิโตโมฯ มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ส่งผลดีต่อ KTIS หลายประการ นอกเหนือจากการช่วยส่งเสริมการขายและขยายตลาดสินค้าของ KTIS ไปยังตลาดนานาชาติแล้ว ยังช่วยสนับสนุนเทคโนโลยี การค้นคว้าและวิจัยต่างๆ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคต ซึ่งผู้ถือหุ้น KTIS ก็จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของ KTIS ในระยะยาวด้วย” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว