ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ลงมาที่ A-(tha)

ข่าวทั่วไป Wednesday January 26, 2005 14:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (“MBK”) ระยะยาวลงมาที่ A-(tha) จาก A (tha) และระยะสั้นลงมาที่ F2(tha) จาก F1(tha) และลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ชนิดทยอยคืนเงินต้นของ MBK ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2551 มูลค่า 2.5 พันล้านบาท ลงมาที่ A-(tha) จาก A(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ
การปรับลดอันดับเครดิตของ MBK สะท้อนถึงการยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของกลุ่มจากการเพิ่มเงินลงทุนในการลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักและการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวได้ทำให้ระดับหนี้สินตลอดจนความเสี่ยงของกลุ่มสูงขึ้น MBKได้เพิ่มการถือครองหุ้นในบริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน) (“NFS”) หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่ม มาโดยตลอดจาก 2.5% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2546 มาที่ 9.68% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 การซื้อหุ้น NFS ดังกล่าวซึ่งส่วนใหญ่มาจากการใช้เงินกู้ระยะสั้นส่งผลให้เงินลงทุนระยะสั้นของ MBK เพิ่มขึ้นจาก 324 ล้านบาท เป็น 2,068 ล้านบาทระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว และมีส่วนทำให้หนี้สินสุทธิของกลุ่มเพิ่มขึ้นในขณะที่เพิ่มความเสี่ยงจากตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้เงินลงทุนใน NFS นับเป็นประมาณ 3 ใน 4 ของเงินลงทุนระยะสั้นทั้งหมด นอกจากนี้ MBK ยังมีแน้วโน้มที่จะพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในระยะกลางทำให้รายได้ของกลุ่มมีความผันผวนมากขึ้น
อันดับเครดิตของ MBK พิจารณาถึงการแข่งขันที่น่าจะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้า (“CBD”) ของกรุงเทพฯ ในระยะกลาง ถึงแม้ว่าทำเลและชื่อเสียงที่ดีประกอบกับการปรับปรุงตกแต่งศูนย์อย่างต่อเนื่องของ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ รวมถึงผลประโยชน์จากการถือครองหุ้นในบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (“SPW”) น่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ความกังวลในประเด็นการแข่งขันดังกล่าวลดลง ถึงแม้ว่า MBK จะมีสิทธิเป็นรายแรกในการพิจารณาต่อสัญญาเช่า 30 ปี ของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่จะหมดสัญญาลงในปี 2556 ก็ตาม อัตรากำไรของกลุ่มอาจได้รับผลกระทบทางลบหากสัญญาเช่าใหม่ทำให้ค่าเช่าพื้นที่ของศูนย์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อุตสาหกรรมโรงแรมยังคงมีการแข่งขันสูงในขณะที่โรงแรมของกลุ่มในจังหวัดกระบี่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ซบเซาจากคลื่นซึนามิที่เข้าปะทะ 6 จังหวัดภาคใต้ช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงแม้แนวโน้มระยะยาวโดยรวมจะเป็นบวกก็ตาม
อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจหลัก MBK สามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพจากการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์และยังได้รับประโยชน์จากการถือหุ้นในสัดส่วน 30.6% ใน SPW ในขณะที่กลุ่มน่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการลงทุนใหม่ แนวโน้มที่มีเสถียรภาพสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มในธุรกิจหลักและนโยบายที่ MBK กำหนดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่จะจำกัดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักตลอดจนกิจกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ในอนาคต
ถึงแม้ว่ากลุ่มจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ระดับหนี้สินของ MBK ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากการลงทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยงข้องกับธุรกิจหลัก อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ย้อนหลัง 12 เดือน (Net Debt/ LTM EBITDA) คงอยู่ในระดับใกล้เคียง 3 เท่า ในปี 2547 (เปรียบเทียบกับระดับที่ต่ำกว่า 2 เท่าในปี 2544) จากการคาดการณ์การเติบโตในระดับปานกลางของ EBITDA กลุ่ม อัตราส่วน Net Debt/ EBITDA น่าจะค่อยๆปรับตัวลงมาที่ระดับประมาณ 2 เท่า โดยมีข้อสันนิษฐานเงินลงทุนที่ประมาณ 500-600 ล้านบาทระหว่างปี 2548-2550 อย่างไรก็ตาม หากรวมแผนการลงทุนในระยะกลางได้แก่ โครงการพัฒนาที่ดิน 800 ไร่ในจังหวัดปทุมธานี แผนการพัฒนารีสอร์ทในภาคใต้และการปรับปรุงตกแต่งครั้งใหญ่ของโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ระดับหนี้สินของกลุ่มอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
สำหรับรายงานฉบับสมบูรณ์ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หาได้จาก www.fitchresearch.com หรือ ติดต่อ
ธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์, นักวิเคราะห์ ภาคอุตสาหกรรม +662 655 4758
อรวรรณ การุณกรสกุล, กรรมการ ภาคอุตสาหกรรม +662 655 4766
Vincent Milton, กรรมการผู้จัดการ +662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ