กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--กองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสกรณ์
เกษตรฯ หนุนงาน วิฟ เอเชีย 2015 งานแสดงสินค้าและนิทรรศการด้านเทคโนโลยีปศุสัตว์และสัตว์น้ำที่ครบวงจร หวังยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปสู่ตลาดโลก
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการด้านเทคโนโลยีปศุสัตว์และสัตว์น้ำที่ครบวงจร ครั้งที่ 12 หรือ วิฟ เอเชีย 2015 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 13 มีนาคม 2558 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ว่า งาน VIV Asia 2015 จัดเป็นงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านปศุสัตว์ และสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิค และถือเป็นงานแสดงสินค้าและงานสัมมนาสำคัญระดับโลก โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 850 บริษัท จาก 50 ประเทศชั้นนำ นอกจากนั้น ยังมีการประชุมในหัวข้อที่น่าสนใจมากมายทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ การพัฒนาอุตสาหกรรมสุกรในตลาดอาเซียน จัดโดย สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ การสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร จัดโดย สมาพันธ์ สมาคมสัตวแพทย์แห่งเอเชีย เป็นต้น โดยการจัดงานในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานจากทั่วโลกมากกว่า 20,000 ราย จาก 120 ประเทศทั่วโลก อาทิ เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, จีน, ฝรั่งเศส, และสหราชอาณาจักร ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยมากถึง 2,200 ล้านบาท
“เชื่อว่าการจัดงาน VIV Asia 2015 (วิฟ เอเชีย 2015) ครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่ทำให้ประเทศไทย สามารถบรรลุเป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปสู่ตลาดโลกอย่างแท้จริง และเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถนำไปประยุกต์และพัฒนาวงการปศุสัตว์ไทยให้เติบโตทัดเทียมกับนานาประเทศได้ ขณะเดียวกัน งานครั้งนี้ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้มีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายในการส่งเสริมอุตสาหกรรม ปศุสัตว์ไทยด้านต่างๆ อาทิ การสนับสนุนการส่งออกสินค้า ปศุสัตว์ไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศสหพันธรัฐ รัสเซีย, ประเทศเนเธอร์แลนด์, ประเทศญี่ปุ่น,ประเทศสหรัฐฯ, กลุ่มประเทศยุโรป, ประเทศจีน และประเทศภูฎาน การประชุมความร่วมมือระหว่างไทยและประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปสู่ตลาดโลกอย่างแท้จริง โดยได้มีการตรวจสอบความปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหารให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถแข่งขันได้” นายปีติพงศ์ กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการที่มาร่วมจัดแสดงภายในงาน โดยแบ่งเป็น โซนจัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพสัดส่วน 55% โซนโภชนาการของสัตว์ 30% จัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับเครื่องจักรและการเพาะพันธุ์ และจัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับการจัดการด้านการแปรรูปเนื้อสัตว์อีก 15% โดยในปีนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการกว่า 874 บริษัทชั้นนำจากกว่า 59 ประเทศทั่วโลก นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาจัดแสดง