กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--บลจ.ฟินันซ่า
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด (บลจ.ฟินันซ่า) เสนอ กองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.15% - 2.20% ต่อปี
“บลจ.ฟินันซ่า ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการขยายตัวในระดับต่ำ โดยตัวเลขการนำเข้าและส่งออกประจำเดือนมกราคมออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ลงสู่ร้อยละ 1.75 ในการประชุมครั้งล่าสุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ด้านปัจจัยภายนอกประเทศ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าธนาคารกลางต่าง ๆ จะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ตาม โดยล่าสุดธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBOC) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลงร้อยละ 0.25 ลงสู่ร้อยละ 5.35 และร้อยละ 2.50 ตามลำดับ และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้เริ่มเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและเอกชนเดือนละ 60,000 ล้านยูโร ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 ถึงเดือนกันยายน 2559 อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีต่างๆ อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปี 2558 และ 2559 ลงมา ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงในระดับต่ำและอัตราผลตอบแทนที่ดีจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ”
บลจ.ฟินันซ่า จึงออกเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน ชื่อกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3เดือน7 (FAM FIPR3M7) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.15% - 2.20% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 16 - 23 มี.ค.2558 ซึ่ง เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการขายกองทุนก่อนหน้านี้ เป็นกองทุน Specific fund ทั้งนี้กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงด้านการแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
โดยกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3เดือน7 (FAM FIPR3M7) จะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ. ถิรไทย (BBB+), หุ้นกู้ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา (AAA), ตั๋วแลกเงิน บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น