กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--บล.เอเชีย เวลท์
บล.เอเชีย เวลท์ โชว์ Trading Idea ประจำสัปดาห์ แนะลงทุนหุ้นพลังงานทางเลือก BCP และ GUNKUL แม้มอง SET ถูกกดดันจากข่าว Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สำหรับ Asia Wealth Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ จากการที่ราคาหุ้นพลังงานได้ปรับตัวต่ำลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่ตกต่ำ กลับเป็นโอกาสการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) จากปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ เช่น ต้นทุนการทำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) ลดต่ำลง 70% ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ แม้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จะมีปริมาณไม่มากเท่าโรงไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน หรือ ถ่านหิน ก็ตาม แต่รัฐบาลมีนโยบายให้การส่งเสริมการประกอบธุรกิจ โดยมีการกำหนดปริมาณการผลิตขั้นต่ำที่บริษัทจะต้องผลิตให้ได้ โดยที่ EGAT มีสัญญาซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด แล้วยังมีการให้ adder เพิ่มเข้ามาในราคาซื้ออีกด้วยทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้แน่นอนและกำไรดีทีเดียว สวนทางกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง จึงมองว่า เป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้
“บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำหุ้น BCP ของ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่เริ่มหันมาเน้นธุรกิจพลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ หุ้น GUNKUL ของ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจำหน่าย โดยเน้นธุรกิจด้านพลังงานทดแทน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, พลังลม, และพลังชีวมวล” นายวรุตม์ กล่าว
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้ม SET Index ในสัปดาห์นี้ ยังได้รับความกดดันจากความกังวลในผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 17-18 มีนาคม นี้ เนื่องจาก Fed มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขึ้นประมาณเดือน มิถุนายน นี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวขึ้นสูงสุดเมื่อวันศุกร์ (13 มี.ค. 58) ที่ผ่านมา ที่ระดับ 32.90 บาท / USD และมีแนวโน้มว่า ค่าเงิน USD จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหาก Fed มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) ระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย กับสหรัฐฯ ลดลง และทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund flow) ในประเทศตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย ไหลกลับมาถือครองสินทรัพย์ในรูปUSD แทน รวมถึงหุ้นสหรัฐด้วย
“การที่ค่าเงิน USD แข็งค่า ได้กดดันราคาน้ำมันให้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือไปจากอุปทานส่วนเกินที่เป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุด (13 มี.ค. 58) ของน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 44.84 USD / บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ 54.67 USD / บาร์เรล ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานของไทยที่ราคาลดต่ำลง และส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยโดยรวม เนื่องจาก หุ้นกลุ่มพลังงานมี Market cap ขนาดใหญ่ คิดเป็น 30% ของ Market cap ของ SET Index” นายวรุตม์ กล่าว
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในประเทศ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดัน SET Index ในสัปดาห์นี้เช่นกัน เนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมามีมุมมองเชิงลบกับการเติบโตของ GDP ไทย โดยคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดการเติบโตของ GDP ปีนี้ลง จากเดิมที่คาดการณ์อยู่ที่ 4.0% และที่ผ่านมาทางรัฐบาลมีการใช้จ่ายเงินในการลงทุนภาครัฐต่ำกว่าเป้าหมายมาก อีกทั้งปัจจัยทางการเมืองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เริ่มมีประเด็นเข้ามาเรื่อย ๆ ดังนั้น บล.เอเชีย เวลท์ จึงคาดการณ์ว่า SET Index ในสัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบทิศทางเป็นลบ
นักลงทุนทั่วไป ติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด 02-680-5000
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
มุกพิม จุลพงศธร (มุก) โทร. 02-880-6008 อีเมล์ : mookpim.ch@asiawealth.co.th
ติดต่อฝ่ายวิจัย
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ (No.17923) โทร. 02-680-5041