กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--สถาบันยานยนต์
กระทรวงอุตสาหกรรม และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้สถาบันยานยนต์ เป็นองค์กรในการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบันมาเป็นเวลา 17 ปี ซึ่งในปี พ.ศ. 2556 ได้อนุมัติแผนให้สถาบันยานยนต์ขยายการดำเนินการสร้างศูนย์ทดสอบยางล้อขึ้น ด้วยงบประมาณ 85 ล้านบาท สำหรับตรวจมาตรฐานตาม UN/ECE และตามข้อตกลงอาเซียน เพื่อขยายการแข่งขันให้มาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้รับความเชื่อถือจากในอาเซียน และระดับโลก จึงได้ดำเนินการพัฒนามาตรฐานให้เข้าสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง
นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ยางยานพาหนะหรือยางล้อเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมยางที่ใช้ยางธรรมชาติมากเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางทั้งหมด มีมูลค่าการส่งออกในปีที่ผ่านมาประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งทิศทางของอุตสาหกรรมยางล้อที่ศึกษาโดยกลุ่มศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ หรือ IRSG ได้คาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี พ.ศ. 2563 ความต้องการยางของโลกจะอยู่ที่ถึง 31.7 ล้านตัน เป็นมูลค่าประมาณ 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
การคาดการณ์ดังกล่าวมาจากทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจีนที่ก้าวกระโดดกลายเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ทำให้ความต้องการยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ปริมาณความต้องการใช้ยางธรรมชาติทั้งในประเทศจีนและของโลกจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ศักยภาพการผลิตยางล้อของไทย ต้องพร้อมรับกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับยางล้อที่เป็นมาตรฐาน UN/ECE และมาตรฐานสากลอื่น ๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปลายปี พ.ศ. 2558 ที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตล้อยางของเอเชีย
ศูนย์ทดสอบยางล้อ สถาบันยานยนต์ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรมยางยานพาหนะไปสู่ระดับสากล และช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายการทดสอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงโครงการจัดตั้งสนามทดสอบ ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทราในเร็วๆนี้ เพื่อรองรับมาตรฐานต่างๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตด้วยจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและพัฒนาการผลิตยางล้อใหม่ๆ ของผู้ประกอบการไทยให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกให้แก่ผู้ประกอบการไทย รวมถึงยกระดับคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมของคนในประเทศให้ดีขึ้นด้วยการพัฒนาสู่ศูนย์ทดสอบรถยนต์ทั้งคัน อย่างครบวงจร
นายหทัย อู่ไทย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้กล่าวเสริมว่า “มาตรฐานยางล้อในปัจจุบันจะคำนึงถึงความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงานเป็นหลัก ให้ได้มาตรฐาน ตามค่าที่กำหนด โดยการทดสอบเพื่อขอ มอก.สินค้า ตามประเภทของยาง ประกอบไปด้วย 1. มอก.367-2532 ECE Regulation no.R54 การทดสอบยางรถบรรทุก 2. มอก.367-2532 ECE Regulation no.R30 การทดสอบยางรถยนต์ 3. มอก.682-2540 ECE Regulation no.R75 การทดสอบยางรถจักรยานยนต์ และ 4. มอก.367-2552 ECE Regulation no.R117 Rolling Resistance
ปัจจุบันขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมยางล้อของไทยยังมีข้อจำกัด ส่งผลให้การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวเนื่องจากสินค้าไทยไม่ได้การรับรองมาตรฐานที่จะเข้าสู่ตลาดสากล ซึ่งปัญหาหลักที่สำคัญประการหนึ่งเนื่องจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และไม่เป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้า ซึ่งบังคับใช้คือ มาตรฐาน UNECE Regulation ซึ่งไทยยังไม่มีการบังคับใช้มาตรฐานดังกล่าว รวมทั้งศูนย์ทดสอบและการให้การรับรอง ต้องส่งไปทดสอบและรับรองที่ต่างประเทศ ทำให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ถึงปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
การจัดตั้งศูนย์ทดสอบกลางฯ เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางล้อของไทย ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น มีรายได้จากการส่งออกยางล้อเพิ่มขึ้น โดยการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางล้อ รวมถึงกระบวนการทดสอบและรับรองมาตรฐานดังกล่าว เป็นการสร้างการยอมรับจากลูกค้าเพื่อลดอุปสรรคและขยายโอกาสทางการค้าไปยังตลาดโลก
นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวเสริมว่า สถาบันฯ ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งได้สนับสนุนเครื่องมือทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN-ECE ที่มีศักยภาพในการให้บริการตรวจสอบความทนทานของยางล้อสำหรับรถยนต์ประเภทต่างๆ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รวมไปถึง รถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ ตามมาตรฐาน UN-R30 UN-R54 และ UN-R75 นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบความต้านทานการหมุนของยางล้อ หรือ Rolling Resistance หนึ่งในรายการตรวจสอบ เพื่อบ่งบอกระดับการประหยัดพลังงานตามมาตรฐานของยางล้อตามมาตรฐาน UN-R117 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน จึงนับได้ว่า ศูนย์ทดสอบยางล้อ สถาบันยานยนต์ มีศักยภาพ และความพร้อมในการให้บริการในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรมด้านการตรวจสอบและรับรอง ยางล้อที่ทันสมัย ให้กับภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการผลิตยางล้อที่มีคุณภาพภายในประเทศเป็นที่ยอมรับ และต้องการในตลาดสากล นอกจากนี้ยังสามารถสนับสนุนการวิจัยออกแบบ พัฒนา และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางล้อ และผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการตรวจสอบ และรับรองผลิตภัณฑ์ยางล้อตามมาตรฐาน UN-ECE ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนดังกล่าวในขั้นตอนของการผลิต จากการต้องส่งยางล้อไปทดสอบที่ต่างประเทศอีกด้วย
นายวิชัย กล่าวทิ้งทายว่า หากโครงการการสร้างสนามทดสอบยางล้อสำเร็จ จะเป็นการดีสำหรับอุตสาหกรรมยางตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพราะประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางที่ครบวงจร ทั้งวัตถุดิบยางพารา และ การเป็นฐานการผลิตในอนาคต ซึ่งคาดว่าโครงการต่อขยายทั้งหมดจะใช้งบประมาณ 2,850 ล้านบาท เพื่อเร่งสร้างความได้เปรียบก่อนอินโดนีเซียที่มีแผนจะพัฒนาด้านนี้เช่นกัน
วันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมยางยานพาหนะไปสู่ระดับสากล ทั้งนี้ ศูนย์ทดสอบยางล้อ สถาบันยานยนต์ นิคมอุตสาหกรรมบางปู จะเป็นห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากลที่สามารถรองรับการให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมไทย ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกให้แก่ผู้ประกอบการไทย รวมถึง ยกระดับคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมของคนในประเทศให้ดีขึ้นอีกด้วย