กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์
เรื่องราวของ “Ural” หรือ “อูรัล” เริ่มต้นขึ้นในปี 1939 ระหว่างยุคปฏิบัติการสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics หรือ USSR) ดินแดนหลังม่านเหล็ก ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้จะมีสนธิสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างเยอรมนีกับสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Molotov Ribbentrop) แต่โซเวียตก็ทราบดีว่าอีกไม่นานจะต้องรับมือกับจอมเผด็จการ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ (Adolf Hitler) ทำให้ ‘โจเซฟ สตาลิน’ (Joseph Stalin) ขุนศึกแห่งโซเวียต ต้องเตรียมกำลังไพร่พลทหารภาคพื้นดินเพื่อต่อกรกับกองทัพแพนเซอร์ของเยอรมัน รวมถึงหน่วยกองรบพิเศษในการป้องกันกองทัพจากโปแลนด์ด้วย
จากปฏิบัติการนี้ กระทรวงกลาโหมของโซเวียตได้มีการหารือกันในที่ประชุมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ที่จะใช้ในกองทัพ ซึ่งกองทัพต้องการรถที่ทันสมัยและมีอะไหล่-อุปกรณ์เสริมที่มีคุณภาพกว่าเดิม สืบเนื่องจากรถรุ่นเก่าที่ใช้ในปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งกับฟินแลนด์นั้นล้าสมัย ด้อยคุณภาพ และไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าใดนัก
หลังจากการหารืออย่างยาวนาน ในที่สุด ‘BMW R71’ ก็ถูกเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์คันใหม่ที่จะใช้ในกองทัพ โดยรัสเซียได้มีการซื้อรถ BMW จำนวน 5 คัน และนำเข้ามาอย่างลับๆ จากสวีเดน จากนั้นจึงให้วิศวกรในกรุงมอสโกถอดแบบทั้งรูปทรงและตัวเครื่อง โคลนนิงใหม่ให้กลายเป็น ‘M-72’ รถต้นแบบคันแรกที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงต้นปี 1941 ซึ่ง สตาลิน ก็ได้อนุมัติให้มีการผลิตรถพ่วงข้างดังกล่าวเพื่อใช้ในกองทัพโดยทันที
โรงงานในกรุงมอสโกได้เริ่มต้นทำการผลิต “M-72” รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง จำนวนหลายร้อยคัน แต่ด้วยยุทธวิธีการบุกโจมตีอย่างเฉียบพลันของนาซี ตลอดจนการทิ้งระเบิด ทำให้โซเวียตกังวลว่า ระเบิดอาจตกในรัศมีของโรงงาน จึงตัดสินใจย้ายที่ตั้งไปทางตะวันออก ท่ามกลางทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการผลิต และห่างไกลจากรัศมีของเครื่องบินทิ้งระเบิด ในเมือง Irbit เขตเทือกเขาอูรัล หรือ “อูราล” ที่คนไทยส่วนใหญ่ออกสำเนียงเพี้ยนจากภาษารัสเซีย เมืองที่ได้ชื่อว่า ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของรัสเซียก่อนการปฏิวัติเมื่อปี 1917
อาคารขนาดใหญ่ในเมืองนี้มีเพียงโรงเบียร์ ซึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นอาคารหลักสำหรับวิจัยและพัฒนาวิธีการผลิตขนาดใหญ่ของรถพ่วงข้าง “M-72” จนกระทั่งในวันที่ 25 ตุลาคม 1942 รถจักรยานยนต์ “M-72” ที่ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานแห่งนี้ ได้ถูกส่งไปสมรภูมิรบเป็นครั้งแรก ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รถมอเตอร์ไซค์รุ่น “M-72” ได้ถูกผลิตออกมาถึง 9,799 คัน เพื่อใช้ในหน่วยลาดตระเวน และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ในแนวหน้าของการรบ
“Ural” ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กองทัพรัสเซียได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรปราบ จอมเผด็จการ ฮิตเลอร์ในสมรภูมิภาคพื้นยุโรป หลังจากสงครามสิ้นสุดลง โรงงานแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงใหม่ และในปี 1950 โรงงานแห่งนี้ก็ได้ทำการผลิต Ural ครบ 30,000 คัน ซึ่งช่วงปลายของทศวรรษที่ 50 ได้มีการแบ่งหน้าที่การผลิตรถ Ural สำหรับใช้งานในกองทัพให้กับโรงงานใน Ukraine และโรงงานใน Irbit ได้เริ่มต้นผลิตรถสำหรับตลาดภายในประเทศและรถในการพาณิชย์มากขึ้น ความนิยมในรถ Ural ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นจนมาถึงช่วงทศวรรษที่ 60 โรงงานแห่งนี้ก็เปลี่ยนมาผลิตรถเพื่อการพาณิชย์อย่างเต็มตัว
ประวัติศาสตร์การส่งออกของ Ural (อูรัล)
“Ural” ได้ถูกส่งออกจากโซเวียตเป็นครั้งแรกในปี 1953 โดยในช่วงแรกถูกส่งออกไปยังประเทศที่กำลังพัฒนา แต่พอมาถึงช่วงปี 1960 Ural ก็ถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลก ด้วยจุดเด่นอันผสมผสานกันได้อย่างลงตัวทั้งสไตล์การออกแบบที่เป็นอมตะ คุณสมบัติในการบรรทุกของรถพ่วงข้าง รวมไปถึงราคาที่สมเหตุสมผล
ในเดือนพฤศจิกายนปี 1992 โรงงานที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมาตลอดแห่งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหุ้นของบริษัท โดย 40% ของหุ้นได้ถูกแบ่งให้กับฝ่ายบริหารและพนักงาน อีก 38% ได้มีการประมูลให้กับผู้ที่สนใจซึ่งส่วนใหญ่ก็ตกไปเป็นของคนภายในบริษัท และ 22% ที่เหลือยังเป็นของรัฐบาล
จนกระทั่งต้นปี 1998 Ural ได้ถูกซื้อโดยนักลงทุนชาวรัสเซีย และได้กลายมาเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว โดยการเข้ามาของเจ้าของรายใหม่ ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไอเดียและเทคโนโลยีในการผลิตแบบใหม่ รวมไปถึงคำมั่นสัญญาที่ให้กับลูกค้าทุกรายถึงการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน ทำให้ Ural กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Ural ในสมัยเก่า แต่ถูกพัฒนาโดยเทคโนโลยีการผลิตและวัตถุดิบในยุคปัจจุบัน ระบบการพ่นสีที่ถูกปรับปรุงใหม่ รวมไปถึงชิ้นส่วนโครเมี่ยม ทำให้ Ural ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
Ural ที่ถูกผลิตขึ้นในปัจจุบัน ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานของความสมบุกสมบันบนถนนอันขรุขระของประเทศรัสเซีย ยังมีสถานที่อีกมากมายในประเทศแห่งนี้ที่มีเพียงม้าและ Ural เท่านั้นที่จะพาคุณและสัมภาระเข้าไปได้ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural ยังคงใช้เครื่องยนต์ในแบบ Flat Twin 2 สูบวางนอน 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบเกียร์เดินหน้า 4 สปีด และเกียร์ถอยหลัง ขับเครื่องด้วยเพลา จานคลัชท์คู่แบบแห้ง โช๊คอัพสปริง และดิสท์เบรก ซึ่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ทั้งแบบ Solo และ Sidecar ได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เหมาะสำหรับตลาดแถบยุโรปและอเมริกามากยิ่งขึ้น
? “Ural” เป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่แบรนด์เดียวในรัสเซีย รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รูปแบบ Sidecar เพียงไม่กี่แบรนด์ของโลก ซึ่งนอกจากจะมีการจำหน่ายภายในประเทศรัสเซียแล้ว ยังมีการส่งออกไปอีกหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สเปน กรีซ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน เยอรมัน อียิปต์ อิหร่าน แอฟริกาใต้ บราซิล อุรุกวัย ปารากวัย และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย จนถึงวันนนี้ “Ural” กว่า 3.2 ล้านคัน ถูกผลิตขึ้น ภายหลังจาก “M-72” รถต้นแบบได้ถือกำเนิดขึ้นในอดีต
จากรัสเซียสู่แดนสยามกับนิยามใหม่ภายใต้แนวคิด “Camping-Adventure”
ล่าสุด บริษัท อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์ จำกัด ร่วมสานต่อตำนานอมตะรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural “อูรัล” จากดินแดนหมีขาว “รัสเซีย” ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการรถจักรยานยนต์เมืองไทยเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินไทย ในงานเทศกาลคนรักมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “แบงค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2015” เมื่อตนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายและทำตลาด แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
ด้วยแนวคิด “แคมปิ้งแอดแวนเจอร์” ทีทาง อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์ ไทยแลนด์ กำหนดทิศทางในการบุกเบิกตลาด Ural (อูรัล) สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์เฉพาะตัวของ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่มีความโดดเด่นทั้งด้านความแข็งแกร่ง ทนทาน สามารถขับขี่ได้ดีเยี่ยงรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป และยังสามารถขับขี่ใช้งานได้ทุกสภาพถนน แม้แต่เส้นทางทุรกันดาร โดยยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์คลาสสิคที่สืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้รักการท่องเที่ยวและชื่นชอบความท้าทายในการขับขี่แบบผจญภัย
สัมผัสและทดลองขับขี่ Ural (อูรัล) รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อ และล้อเดียวได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน “อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิล ประเทศไทย” ซอยพัฒนาการ 76 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร.02-722-0990 สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.uralthailand.com