กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
มท.1 สั่งการ ปภ. ประสานจังหวัดภาคเหนือ ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยคุมเข้มไม่ให้ มีการเผาในพื้นที่เสี่ยง กำหนดช่วงเวลาห้ามเผาในช่วงวิกฤตไฟป่าหมอกควันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนสนธิกำลังในการระดมวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงเร่งสร้างความตระหนักถึงปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและระบบนิเวศน์ เพื่อควบคุมสถานการณ์มิให้วิกฤตรุนแรง
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 พื้นที่ภาคเหนือได้รับผลกระทบจากวิกฤตหมอกควัน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตากทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยคุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่เสี่ยง กำหนดช่วงเวลาห้ามเผาในช่วงวิกฤตไฟป่าหมอกควันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ เน้นการแก้ไขปัญหาในมิติเชิงพื้นที่ – หน้าที่ – การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงระดมสรรพกำลังและวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควัน เพื่อควบคุมสถานการณ์มิให้วิกฤตรุนแรงขึ้น
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศของ 9จังหวัดภาคเหนือกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 48 - 299 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตากคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยปริมาณฝุ่นละอองไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ผ่านมามากนัก ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือดำเนินมาตรการคุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง โดยเฉพาะการเผาริมทาง การเผาในพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น รวมถึงระดมรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนบูรณาการทุกภาคส่วนสนธิกำลังในการนำวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและลดผลกระทบหมอกควัน สำหรับประชาชน ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เจ็บป่วยได้ รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกัน มิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย