กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่จังหวัดสุโขทัยพร้อมด้วยนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน โดยมีนายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด ร่วมบรรยายสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ว่า สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดสุโขทัยขณะนี้ยังได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับของปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ภัยแล้งเพียง 1 อำเภอ มีราษฎรได้รับผลกระทบ 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน โดยส่วนหนึ่งเกิดการการบริหารจัดการน้ำในช่วงภัยแล้ง การสร้างความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้น้ำในการปลูกพืชใช้น้ำน้อย รวมถึงการบริหารจัดการน้ำใต้ดินที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาสุโขทัย ดำเนินการสูบน้ำจากบ่อใต้ดินแล้วส่งน้ำด้วยระบบท่อส่งน้ำ และคูส่งน้ำสู้พื้นที่การเกษตรในเขตอ.สวรรคโลก และอ.ศรีนคร จ.สุโขทัย และอ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ได้ประมาณ 6 หมื่นไร่ ซึ่งน่าจะมีการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นให้มากขึ้นเนื่องจากในลุ่มน้ำยมยังไม่สามารถสร้างแหล่งกักเก็กน้ำขนาดใหญ่ได้
แต่อย่างไรก็ตามได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งสำรวจแหล่งน้ำและพื้นที่เกษตรกรรม พร้อมทั้งสั่งการให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อภาคการเกษตรและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
สำหรับฤดูน้ำหลากที่จะมาถึงซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน กรมชลประทานได้เตรียมวางมาตรการเพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรจะได้รับความเสียหาย โดยจะปล่อยน้ำเพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเริ่มทำนาปีตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เพื่อเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฏาคมนี้ซึ่งคาดว่าจะมีพท.ประมาณ 1.5 แสนไร่ โดยพท.ดังกล่าวทางกรมชลประทานจะนำมาบริการจัดการเป็นพท.แก้มลิงรับน้ำ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบปัญหาน้ำท่วมตัวเมืองสุโขทัยได้อีกทางหนึ่ง