กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--ซูม พีอาร์
สถานการณ์ทางด้านการเกษตรในช่วงที่ผ่านมา มีเข้ามาหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรค ทำให้พี่น้องเกษตรกรต้องจับตาเฝ้าระวังหาแนวทาง รวมถึงทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดีๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต โดยแนวโน้มของราคาสินค้าเกษตรไทย คาดว่าอาจจะยังเผชิญแรงกดดันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ที่ผันแปรตามทิศทางของภาวะตลาดโลก ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงควรเร่งยกระดับภาคเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นไปยังต้นน้ำผู้ผลิตหรือเกษตรกรให้แข็งแรง และที่สำคัญควรต้องปลอดภัยไร้สารพิษ เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
จากการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ้างแรงงานเถื่อน แรงงานทาส แรงงานเด็ก โดยประเทศไทยถูกจัดอันดับการตอบสนองต่อปัญหาการค้ามนุษย์ จากระดับเทียร์ 2 เป็น เทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุด ทำให้ภาพพจน์ของผู้บริโภคอาหารจากภาคการเกษตรของไทยไม่ค่อยสดใสนัก เพราะคนจะปฏิเสธถึงที่มาที่ไป ว่าเป็นสินค้าที่มีการใช้แรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะสินค้ากุ้ง (ต้มยำกุ้ง) ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันดี ส่วนทางยุโรปก็มีการตัดสิทธิพิเศษทางศุลกากรหรือ จีเอสพี ทำให้เมื่อส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มยุโรป จะทำให้มีต้นทุนทางภาษีเพิ่มมากกว่าประเทศคู่แข่งที่ได้รับโอกาสทางภาษี ทำให้เราไม่สามารถลงสนามแข่งขันได้เต็มที่ จำเป็นที่จะต้องมองหาลู่ทางหรือตลาดใหม่มารองรับ แต่ก็ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร ไม่ว่าจากทางตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ จีน อินเดีย ซึ่งก็คงจะต้องพยายามกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เช่น หลังจากประเทศรัสเซีย มีปัญหากับอเมริกาและยุโรป ก็มีการยกเลิกการนำเข้าสินค้าภาคการเกษตรหลายรายการ และหันมาให้ความสนใจในโซนเอเชียอย่างเรา ซึ่งได้มีการมาสำรวจตรวจตราทั้งโรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันอยู่หลายรอบ ล่าสุดก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ไทยไปปรึกษาหารือกัน และก็แน่ชัดแล้วว่าทั้ง กุ้ง ไก่ ปลา ข้าว และผลิตผลภาคการเกษตรอื่นๆ จะต้องนำเข้าจากไทยอย่างแน่นอน และอีกข่าวดีก็ก็คือ ประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นเพื่อนบ้านชาวอาเซียนของเรา ที่กำลังมีปัญหากับจีนในเรื่องของเกาะแก่งและทรัพยากรธรรมชาติรอบๆ เกาะ จนถึงขั้นยกเลิกการนำเข้าผักและผลไม้จากจีน และหันมานำเข้าจากไทยแทน ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ที่มาเยือนประเทศไทย
ดังนั้นสิ่งที่เกษตรกรควรจะต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย นั่นก็คือ การพัฒนาคุณภาพสินค้าภาคการเกษตรให้มีศักยภาพทัดเทียม เพื่อให้สมศักดิ์ศรีต่อการเป็นผู้นำด้านผลิตผลภาคการเกษตรหลากหลายชนิด รวมถึงการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ไปถึงมือผู้บริโภคในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และที่สำคัญควรจะต้องปลอดภัยไร้สารพิษ
ก่อนอื่นเกษตรกรควรจะต้อง ลด ละ เลี่ยง เลิก การใช้สารพิษในการเกษตร แล้วหันมาใช้พืชสมุนไพรและจุลินทรีย์ชีวภาพเข้ามาช่วยเหลือบริหารจัดการผลิตผลของตัวเอง ทดแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตราย เช่น การหมักสมุนไพรไล่แมลงจาก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ไพล กานพลู เมล็ดสะเดา หางไหล หนอนตายอยาก การใช้พริกแกงป่า พริกแกงส้ม การทำจุลินทรีย์ ขี้ควาย จุลินทรีย์ หน่อกล้วย ฮอร์โมนไข่ อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้สืบสานกันมา หรือหากสนใจวิธีการในเชิงลึกสามารถ รับฟังข้อมูลข่าวสารทาง สถานีวิทยุ มก. บางเขน AM 1107 (ภาคกลาง) สถานีวิทยุ มก.แขนแก่น (ภาคอีสาน) AM 1314 สถานีวิทยุ มก. เชียงใหม่ AM 612 (ภาคเหนือ) และสถานีวิทยุ มก. สงขลา AM 1269 Z (ภาคใต้) และทางเว็บไซต์ www.thaigreenagro.com
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ 02 986 1680-2
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)